สุรินทร์ - ประชาชนชาวสุรินทร์เห็นด้วยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ปิดตาย “ปราสาทตาเมือนธม” อ.พนมดงรัก สุรินทร์ กัมพูชาจะขึ้นมาเที่ยวต้องขอวีซ่าใช้พาสปอร์ต เสนอสร้างกำแพงถาวรปิดตายไปเลย เหตุเชื่อใจเขมรไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้กล่าวกับนักศึกษาหลักสูตรวัคซีนเพื่อชีวิต (วชส.) สมาคมพนักงานสอบสวน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตอนหนึ่งระบุว่า "ปราสาทตาเมือนธมมีการวางรั้วลวดหนามไว้ทั้งหมด หากมาแตะรั้วผม ต้องทำใจ ผมถือว่าแตะอธิปไตยไทย ถ้าอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรก็ลองมาแตะดู และยืนยันรั้วพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 อยู่ชั่วกัลปาวสาน สำหรับปราสาทตาเมือนธมปิดตาย รั้วลวดหนามขึงแล้วขึงเลยไม่เอาออก จะขึ้นมาต้องใช้วีซ่า ใช้พาสปอร์ต" พล.ท.บุญสินกล่าวนั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 ก.ย. 68) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความเห็นเกี่ยวกับการปิดตายปราสาทตาเมือนธมดังกล่าวชาว จ.สุรินทร์ โดยพบกับ นายทองเจริญ ยวนใจ อายุ 77 ปี และนางบุญล้อม ยวนใจ อายุ 73 ปี อยู่บ้านตะตึงไถง (อ่านว่า ตะ-ตึง-ถะ=ไง๋) ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ บอกว่า ตนเห็นด้วยกับแม่ทัพภาคที่ 2 และอยากให้สร้างกำแพงมาตรฐาน ปิดตายไปเลย ถ้าเป็นรั้วลวดหนามหรือใช้ไม้ล้อมก็จะเป็นเหมือนเดิม กำลังพลของเราจะได้มีความปลอดภัย ไม่ต้องสนใจ เพราะเชื่อใจเขมรไม่ได้ เอาความปลอดภัยของกำลังพลเราก่อน
ส่วนจุดอื่นก็อยู่ที่แม่ทัพว่าจะปิดจุดไหนบ้าง เขาจะรู้ดี จุดที่ดีที่สุด ตนคิดว่าน่าจะเกิดสงครามสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา รอบที่สอง แต่ไม่อยากให้เกิด แต่เขมรขนกำลังมาประชิดชายแดนทุกวัน จากที่ติดตามข่าวชายแดนทุกวันรู้สึกเป็นห่วง สงสารชาวบ้านชายแดน ซึ่งญาติพี่น้องของตนก็ขอลี้ภัยอพยพมาอยู่ที่บ้าน และวัดใกล้บ้าน ทั้งนี้ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชานี้อยากให้จบเร็วๆ จะปรองดองหรือทำอย่างไรให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะรัฐบาลต้องมาแก้ไขเรื่องปัญหาชายแดนให้จบเร็วๆ เพราะชาวบ้านลำบาก รวมถึงปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้องด้วย