ศูนย์ข่าวขอนแก่น - บพท.ขับเคลื่อนงานวิจัยไทย–จีน ฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี จับคู่ลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวมูลค่ากว่า100 ล้าน พร้อมลงนาม MOU ดันแพลตฟอร์มการค้า–ถ่ายทอดเทคโนโลยี-การลงทุนในงาน อว. แฟร์ 2025 ชี้งานเฉลิมฉลอง 5 ทศวรรตสัมพันธ์สองชาติไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ทางการทูต ยังเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่จะใช้ วิจัย–นวัตกรรม–เทคโนโลยีสีเขียว เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของทั้งไทยและจีนก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืนร่วมกัน
ระหว่างวันที่ 9-10 สิงหาคม 2568 งาน “อว. แฟร์ 2025” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมจัดเวิร์คช้อปภายใต้หัวข้อ “งานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน และการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือวิจัยเชิงพื้นที่ระหว่างไทย – จีน” เพื่อเชื่อมโยงพลังวิจัย นวัตกรรม และการลงทุนระหว่างสองประเทศสู่เศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน
โอกาสนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า “นี่คือการเชื่อมโยงงานวิจัยกับธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืน” ขณะที่ ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า “วิจัยและนวัตกรรมคือ สะพานเชื่อมเศรษฐกิจสีเขียวและโอกาสใหม่ของไทย–จีน”
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีผู้เข้าร่วมงานจากผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กรมการพาณิชย์มณฑลยูนนาน หน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชนทั้งไทย–จีน ซึ่งต่างมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือในมิติใหม่ของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการค้า
เวทีวันแรก 9 สิงหาคม เปิดด้วยปาฐกถาพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญและนักธุรกิจชั้นนำ อาทิ หยาง หลู (Yang Lu) จาก Belt and Road Environmental Technology Transfer Center ที่ย้ำว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นเส้นทางที่เราต้องเดินร่วมกัน” และ หยาง ไค (Yang Kai) จาก Shenzhen Solartech Renewable Energy ที่ชี้ว่า “พลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นหัวใจของการผลิตอาหารในอนาคต”
ขณะที่ กุลธิรัตน์ ภควัชรไกรเลิศ จากสมาคมอีคอมเมิร์ซไทย มองว่า “ดิจิทัลและการค้าระหว่างประเทศคือเครื่องจักรคู่ขนานของเศรษฐกิจ” ส่วน ดร.หวาง ยวี้เจียว (Dr.Wang Yujiao) ผู้เชี่ยวชาญจีนโพ้นทะเลและผู้เขียนหนังสือ “เงินตราและสายเลือด” เน้นว่า “สายสัมพันธ์ไทย–จีนมาจากร้อยปีแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ” และ เพ็กกี้ หว่อง (Peggy WONG) จาก ST Biochar Solutions ระบุว่า “ไบโอชาร์ฟื้นฟูทั้งดิน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม”
ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรม Business Matching ที่จุดประกายโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการไทย–จีน เกิดการจับคู่ธุรกิจ 15 คู่ ครอบคลุมพลังงานหมุนเวียน เกษตรอัจฉริยะ อีคอมเมิร์ซ และโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่าการค้า–ลงทุนรวมกว่า 100 ล้านบาท หลายดีลต่อยอดสู่การขยายตลาดคุนหมิงและปิดการขายได้ทันที พร้อมความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนสิ่งแวดล้อมที่อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าเต็มรูปแบบ
วันที่สอง 10 สิงหาคม ช่วงสำคัญคือ พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 3 ฉบับ ซึ่งเป็นผลผลิตภายใต้กรอบงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจและเมืองชายแดนของ บพท. ได้แก่ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสีเขียวคาร์บอนต่ำ ระหว่าง บพท., Belt and Road Environmental Technology Transfer Center มหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริษัท สมาร์ท คอนซัลติ้ง แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด, โครงการเทคโนโลยีสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และไบโอชาร์ เพื่อสนับสนุนเกษตรยั่งยืน ระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ Shenzhen Solartech Renewable Energy Co., Ltd และแพลตฟอร์มการค้าและอีคอมเมิร์ซไทย–จีน เพื่อยกระดับเครือข่ายการค้าออนไลน์และระบบโลจิสติกส์ ระหว่าง Yunnan Tengjun Bonded Logistics Management Co.,Ltd และ Green Forword Co., Ltd
ปิดท้ายด้วยคำกล่าวของ ดร.ลักษมณ สมานสินธุ์ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สป.อว. ที่ฝากข้อความสะท้อนความหมายของความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการลงนาม แต่คือคำมั่นสัญญาในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน เรากำลังวางเส้นทางที่ไทยและจีนจะเดินเคียงข้างกันบนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการเติบโตที่แบ่งปันประโยชน์ให้กับทั้งสองประเทศ”
ความสำเร็จของงานในครั้งนี้ตอกย้ำว่า การเฉลิมฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย–จีน ไม่เพียงเป็นเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์ทางการทูต แต่ยังเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะใช้ วิจัย–นวัตกรรม–เทคโนโลยีสีเขียว เป็นพลังขับเคลื่อนอนาคต เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน.