xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป)“วันนอร์” ลั่นพร้อมผ่านงบให้กองทัพแค่ฝ่ายบริหารเสนอเข้าสภา "แม่ทัพกุ้ง" เปิดใจเบื้องลึกจากเขมรล้ำแดนถึงปะทะเดือด 4 วัน 5 คืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ประธานรัฐสภา นายวันมูหะหมัด นอร์มะทา ประกาศพร้อมผ่านงบประมาณให้กองทัพเพิ่มศักยภาพเพื่อป้องกันภัยคุกคาม ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 ร่ายยาวเล่าเบื้องลึกเบื้องหลังการถูกเขมรรุกล้ำดินแดนจนถึงขั้นปะทะเดือด 4 วัน 5 คืน และเตือนคนไทยอย่าประมาทภัยคุกคามอธิปไตยยุคใหม่ โดยเฉพาะการใช้โดรน ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนในของประเทศ อย่างไรก็ตามทหารพร้อมทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง


                       

ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุปะทะที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้กลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของกองทัพไทยและผู้นำหน่วยในพื้นที่ โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ผู้รับหน้าที่ดูแลความมั่นคงของพื้นที่ภาคอีสานและแนวชายแดนด้านตะวันออก ล่าสุดวันนี้ (10 ส.ค.) ณ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา นายวันมูหะหมัด นอร์มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของจำเป็นเพื่อส่งไปให้ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ

นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำสิ่งของ เครื่องใช้ และเครื่องอุปโภคบริโภครวมถึงอากาศยานไร้คนขับมามอบแก่กองทัพภาคที่ 2 อีกด้วย

นายวันมูหะหมัด นอร์มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวตอนหนึ่งว่า ในฐานะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติพร้อมที่จะสนับสนุนกองทัพให้พัฒนาศักยภาพเพื่อไว้ป้องกันภัยคุกคามยุคใหม่อย่างเต็มที่ รอเพียงฝ่ายบริหารเสนอเข้ามาสู่สภา



ขณะพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เปิดใจเล่าถึงเบื้องหลังการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ และมุมมองต่อภัยคุกคามในอนาคต ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ หากยังเผยให้เห็นภาพความจริงในสนามรบที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน

พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ในเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ตนพบว่ากัมพูชามีการวางกำลังรุกล้ำเข้ามาจากเส้นเขตแดนไทยราว 100-150 เมตร นี่คือการล้ำเขตแดนครั้งแรกที่ตนไม่อาจยอมรับได้ และตั้งใจที่จะผลักดันให้ออกไป แม้ไทยจะพยายามเจรจาให้ถอนกำลัง แต่ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจปิดด่าน ซึ่งได้รับคำยืนยันจากฝ่ายกัมพูชาว่าจะถอนกำลังหากเปิดด่าน แต่หลังจากการเจรจาและเปิดด่าน ทหารไทยกลับเหยียบทุ่นระเบิดที่ช่องบก และเพียงหนึ่งสัปดาห์ต่อมาก็เกิดเหตุซ้ำที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ตนย้ำว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งสะท้อนว่ากัมพูชาไม่เคารพอนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการไม่ใช้กับระเบิด แม้จะลงนามเช่นเดียวกับไทย


สำหรับเหตุการณ์ที่ปราสาทตาเมือนธม ในอดีตเคยเปิดให้ประชาชนทั้งสองประเทศขึ้นมาสักการะได้ แต่เกิดความวุ่นวายจนประชาชนไทยและกัมพูชามีแนวโน้มจะปะทะกัน ตนจึงตัดสินใจปิด แม้จะถูกคนไทยทั้งประเทศที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงตำหนิ การปิดครั้งนั้นเท่ากับการประกาศสงคราม ซึ่งนำไปสู่การยิงปะทะกัน โดยฝ่ายกัมพูชายิงก่อนและการปะทะดำเนินไปไม่เกิน 8 ชั่วโมง

ขณะที่ปราสาทตาควายยังคงเป็นพื้นที่ตึงเครียด ไทยไม่สามารถเข้าสู่ตัวปราสาทได้เพราะกัมพูชาวางกำลังและทุ่นระเบิดอย่างหนาแน่น ทำให้เสียเปรียบ ฐานของกัมพูชาอยู่ติดตัวปราสาท ส่วนไทยอยู่ห่างประมาณ 30 เมตร ตนยังยืนยันว่าปราสาทตาควายเป็นของไทย และจะดำเนินการต่อเพื่อนำกลับคืนมา


อย่างไรก็ตาม จากการปะทะต่อเนื่อง 4 คืน 5 วัน ไทยได้พื้นที่คืนราว 11 จุดที่ถูกรุกล้ำ หนึ่งในนั้นคือ “ภูมะเขือ” จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บหลายราย ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียกำลังพลจำนวนมากประมาณ 200-300 นาย และมีผู้นำระดับสูงเสียชีวิต 1 นาย ปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในขั้นตรึงกำลัง ไม่มีเหตุปะทะด้วยอาวุธและไม่มีสิ่งบอกเหตุ โดยจะมีการประชุม RBC ระหว่างแม่ทัพทั้งสองฝ่ายในอีก 2 สัปดาห์เพื่อหารือเรื่องแนวหน้า และต่อมาจะมีการประชุม GBC ในระดับรัฐมนตรีกลาโหม ตนยืนยันว่าทหารไทยจะคงอยู่ในพื้นที่ที่ยืนอยู่และจะไม่ถอยกลับไปจุดเดิม

แม้สถานการณ์โดยรวมดูผ่อนคลาย แต่ยังมีเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ฐานเก่าของกัมพูชาที่ถอนกำลังไปแล้ว แต่ได้วางกับระเบิดใหม่ไว้ กองทัพจึงปรับการทำงานโดยใช้เครื่องจักรเป็นหลักเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ท่าทีของกัมพูชาดูเป็นมิตรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนยังให้ความสำคัญต่อภัยคุกคามยุคใหม่ โดยเฉพาะการใช้โดรน ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนในของประเทศ รวมถึงกรุงเทพฯ และนครราชสีมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสงครามยุคใหม่และถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติ


ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ตนเร่งจัดหาโดรนและแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัด ให้บูรณาการร่วมกับผู้กำกับการตำรวจ หาเครื่องมือแอนตี้โดรนและติดตามหาผู้บินโดรน เพราะการบินใกล้สนามบินหรือคลังอาวุธไม่ใช่เรื่องธรรมดา โดรนถูกใช้เพื่อตรวจหาพิกัดสำหรับอาวุธนำวิถีระยะไกล ตนเตือนว่าอย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะสงครามในอนาคตอาจทำให้ทุกครัวเรือนต้องมีบ้านใต้ดินไว้

ตนมีความเชื่อมั่นในกำลังพลแนวหน้าและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดการรบอีกหรือไม่ โดยได้เสนอแนวทางต่อผู้ใหญ่หลายฝ่ายและได้รับความเห็นชอบทั้งหมด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มกำลัง




กำลังโหลดความคิดเห็น