สุรินทร์-“ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ พร้อม รมว.ต่างประเทศ ลงพื้นที่สุรินทร์ประชุมผู้ว่าฯ4 จว.อีสานใต้ พร้อมปิดศูนย์อพยพทุกแห่งและส่งปชช.ผู้อพยพชุดสุดท้ายกลับบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา เผย 4 ข้อสั่งการ อำนวยความสะดวกกลับสู่ที่พักโดยปลอดภัย-เยียวยาแก้ไขปัญหา-ดูแลสุขภาพฟื้นฟูจิตใจและซ่อมบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหาย
วันนี้ ( 9 ส.ค.68) เวลา 09.00 น.นายภูมิธรรม เวชชชัย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พร้อมประชุมผ่านวิดีโอ conference กับผู้ว่าราชการจังหวัดใน 4 จังหวัดอีสานล่าง ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี ศีสะเกษ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ถึงแผนการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมาตามแผนพิทักษ์ส่วนหลัง ที่ได้ดำเนินการมา เพื่อกำหนดวางแผนการดำเนินการ และปิดศูนย์อพยพผู้พักพิงชั่วคราวทุกศูนย์
และส่งกลับผู้อพยพชุดสุดท้ายซึ่งเป็นผู้อพยพจากหมู่บ้านที่อยู่ติดกับแนวชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียงและประสาทตาควาย ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ กลับบ้าน พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับผู้ที่กลับบ้านชุดสุดท้ายในวันนี้ด้วย ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง โดยจะมีรถของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย รถโรงพยาบาล รถกู้ชีพรถกู้ภัยในแต่ละพื้นที่อำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้อพยพ
นายภูมิธรรม เวชชชัย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อันไหนที่ประชาชนต้องการเราก็อำนวยความสะดวกให้ วันนี้ได้มีข้อสั่งการ 4 ข้อ อันดับแรก คือ การอำนวยความสะดวกกลับสู่ที่พักโดยปลอดภัย 2.สำรวจเยียวยา ดูแลแก้ไขปัญหา 3.เรื่องของสุขภาพ การฟื้นฟูทางจิตใจ เรื่องของดูแลสภาพที่อยู่อาศัย 4.เรื่องของการซ่อมสิ่งต่างๆ ได้มีการประสานกำลังกับกองอาชีวะหรือวิทยาลัยเทคนิคต่างๆในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มงบประมาณให้แล้ว อย่างที่ทราบ จาก 20 ล้านบาท เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท หลังจากนี้ต่อไปก็นำไปซ่อมแซมให้ผู้ประสบภัยได้อยู่เป็นปกติ ส่วยการเยียวยาเรื่องชีวิตและทรัพย์สิน ได้ปรับขึ้นเป็น 10 ล้านบาทสำหรับเจ้าหน้าที่และ พลเรือน 8 ล้านบาท ที่เสียชีวิต นอกนั้นก็ลดหลั่นกันไป เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวที่สูญเสีย แม้มันจะมาทดแทนชีวิตและทรัพย์สินไม่ได้แต่อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้ไม่ต้องกังวลใจ ในการสูญเสียผู้ที่อยู่ในครอบครัวไป