เชียงใหม่ - สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าและสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ พร้อมด้วยเครือข่ายระดมมวลชนกว่า 1,000 คนบุกศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลทวงสัญญาแก้ปัญหา พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ หลังทำบันทึกข้อตกลงกันไว้แล้วตั้งแต่ประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ แต่ผ่านไปเกือบ 4 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า ประกาศจะปักหลักชุมนุมจนกว่า ครม.จะมีมติเห็นชอบ ภายใน 1 เม.ย. 68
วันนี้ (24 มี.ค. 68) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า และเครือข่ายชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบจากพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ และแนวร่วมผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายและนโยบายละเมิดสิทธิมนุษยชน นำมวลชนกว่า 1,000 คนยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ส่งถึงรัฐบาล เพื่อทวงสัญญากรณีแก้ปัญหากฎหมายป่าอนุรักษ์ละเมิดสิทธิชุมชน โดยนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว
สำหรับการยื่นหนังสือครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ตัวแทนกลุ่มได้ร่วมประชุมหารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และคณะที่เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงข้อเสนอของภาคประชาชน ที่ขอให้ยุติการนำพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พุทธศักราช 2562 และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ
โดยจนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมาย ขอให้จัดตั้งคณะทำงานเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่นำไปปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลา 60 วัน ขอให้เร่งเสนอปรับปรุงแก้ไข โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่และนำร่างสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ภายใน 90 วัน ก่อนเสนอเข้าสภา และในระหว่างการปรับปรุงแก้ไขรัฐบาลจะต้องชะลอการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 23 แห่ง จนกว่าจะแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 4 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าว ทางเครือข่ายสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าได้มีข้อเรียกร้อง ประกอบด้วย ขอให้ยุติการนำ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมาย, ขอให้รัฐบาลจัดตั้งกลไกในรูปแบบที่เป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เป็นรายอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทุกๆ พื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ ภายในระยะเวลา 60 วัน
ขอให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะต้องเร่งเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ให้นำร่างสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ภายใน 90 วัน ก่อนเสนอเข้าสภา และในระหว่างที่มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับ รัฐบาลจะต้องชะลอยับยั้งการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 23 แห่ง จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับแล้วเสร็จ เว้นแต่ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการฯ นั้นดำเนินการกันขอบเขตชุมชน พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่าชุมชนแล้วเสร็จ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
โดยสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า เครือข่ายชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบได้ขอให้รัฐบาลบรรจุข้อเรียกร้องของประชาชนเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเบื้องต้นภายหลังการยื่นหนังสือแล้ว ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่ชุมนุมอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบภายในวันที่ 1 เม.ย. 68