ศูนย์ข่าวศรีราชา - 'ตุ้ย-เบียร์' โชว์วิสัยทัศน์พัฒนาบ้านพี่เมืองน้อง 'บางแสน-พัทยา' ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2568 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีเดินหน้าพัฒนาท่องเที่ยว ยกระดับความเป็นเมืองน่าอยู่คู่แก้ปัญหาจราจร
วันนี้ (20 มี.ค.) ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นประธานเปิดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2568 "EEC Vision : วิสัยทัศน์เมืองคู่ บางแสน-พัทยา" ซึ่งจัดโดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี ที่ห้องสเปซบอลรูม 1-2 โรงแรมแกรมค์ เซนเตอร์ พอยท์ สเปซ พัทยา จ.ชลบุรี
โดยมี นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวต้อนรับสมาชิกและผู้เข้าร่วมสัมมนา ก่อนเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การจัดงานดังกล่าว เพื่อสร้างองค์ความรู้ อัปเดตข้อมูลสถานการณ์ต่างๆ ด้านอสังหาริมทรัพย์ในเขต EEC ให้กับสมาชิก และผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผู้เข้าร่วมงานได้นำไปปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจของตนเองให้มีศักยภาพรับการเติบโตในอนาคต หลังพื้นที่ในเขต EEC ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การเสวนา "EEC Vision : วิสัยทัศน์เมืองคู่ บางแสน-พัทยา" โดยนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข และนายคริส เชิดสุริยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร ออเนอร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และมีชื่อเสียงด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่หลากหลาย ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองพัทยานั้น
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เผยว่าเมืองพัทยาได้ประโยชน์ด้านโลเกชันที่ดี จึงต่อยอดด้วยวิสัยทัศน์ "เมืองน่าอยู่ของคนทุกคน" และตั้งเป้าหมายเป็นหมุดหมายปลายทางระดับเวิลด์คลาส โดยใน 2567 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวรวมกว่า 23-24 ล้านคนที่เดินทางมาท่องเที่ยว จ.ชลบุรี และเมืองพัทยา
โดยเมืองพัทยา ได้ใช้ระบบดิจิทัล เดต้า ดู แก้ปัญหาน้ำท่วม 22 จุดซ้ำซาก จนเหลือ 9 จุด การแก้ปัญหาบุกรถพื้นที่สาธารณะเพื่อนำมาใช้ประโยชน์เป็นถนนสัญจร การก่อสร้างสนามกีฬาศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออกจำนวน 2 หมื่นที่นั่งที่ทำกว่า 10 ปีไม่เสร็จแต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถเสร็จได้ในยุคของตน
ทั้งนี้ เมืองพัทยายังได้ส่งเสริมความเป็นไมซ์ซิตี้ ด้วยการปรับภูมิทัศน์ชายหาดจอมเทียนที่มีวางท่อระบายน้ำ การเพิ่มที่จอดรถ ปรับทางเท้า ไฟฟ้าส่องสว่าง การเสริมทรายชายหาดของเจ้าท่าระยะทาง 6 กม. รวมทั้งการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะล้าน และการนำสายไฟและสายสื่อสารลงดิน จาก 9 เส้นทาง ปัจจุบันดำเนินการเสร็จไปแล้ว 6 เส้นทาง
และยังจะผลักดันเมืองพัทยาสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ ด้วยการดูแลจากการติดตั้งกล้องวงจรปิดกว่า 2,000 ตัวเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน "พัทยาคอนเน็กส์" ที่สามารถดูสภาพการจราจรเมืองพัทยาได้แบบเรียลไทม์ พร้อมคอลเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชม.
ส่วนมิติด้านการท่องเที่ยวนั้น เมืองพัทยาได้จัดอีเวนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกเดือน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายโรดโชว์ร่วมกับ ททท. และผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศอาหรับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เมืองพัทยา Pattaya City Everydays is a Better Day
ขณะที่ นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวว่า เทศบาลเมืองแสนสุข เป็นเมืองจิ๋วแต่แจ๋ว มีโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนาที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในเรื่องสิ่งปลูกสร้าง ภาพรวมของบางแสน ได้แก่ อาคารที่จอดรถกว่า 300 คัน หลังเทศบาล ลดปัญหาการจราจร โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ลานอเนกประสงค์หาดบางแสนล่าง (ลานม้าน้ำ) บนพื้นที่ 4,000 กว่า ตร.ม.
นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบวงเวียนบางแสน โครงการท่าเทียบเรือแหลมแท่น โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์สะพานราชนาวีและลานอเนกประสงค์แหลมแท่น โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เขาสามมุขที่จะมีสกายวอล์ก และเพิ่มพื้นที่สันทนาการ โครงการปรับปรุงสะพานบางโปรง การก่อสร้างห้องออกกำลังกายติดแอร์ และอื่นๆ ตามมาอีกหลายอย่าง
นายคริส เชิดสุริยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร ออเนอร์ กรุ๊ป เผยในภาพของเอกชนว่า จากสถิติการท่องเที่ยวบางแสน-พัทยา พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจีน จำนวน 6.7 ล้านคน ตามมาด้วยมาเลเซียจำนวน 4.9 ล้านคน อินเดียจำนวน 2.1 ล้านคน เกาหลีใต้จำนวน 1.8 ล้านคน และรัสเซีย 1.7 ล้านคนตามลำดับ
ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2567 มีรายได้รวมถึง 2.62 ล้านล้านบาท และในส่วนของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาบางแสน-พัทยานั้น มีมากถึง 15 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ เมืองพัทยาไม่ได้มีแต่เรื่องท่องเที่ยว แต่มีการย้ายฐานการผลิตของโรงงานต่างๆ เข้ามาในพื้นที่ ทำให้ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือท่องเที่ยวจะช่วยเสริมศักยภาพให้พัทยากับบางแสนเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งในฐานะภาคเอกชนขอแนะนำให้มีการส่งเสริมโครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะช่วยให้ชลบุรีมีความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวยิ่งขึ้น เพราะเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกำลังมาแรง