แม่ฮ่องสอน - พิษน้ำป่าถล่มแม่ฮ่องสอนไม่หยุด..ล่าสุดพัดร่างชาวบ้านข้ามห้วยแม่สะงาจมหายพร้อม จยย.ก่อนพบเสียชีวิตอีกศพ แถมเกิดดิน-หินสไลด์ทับเส้นทางท่องเที่ยวปางอุ๋ง-บ้านจีนรักไทย จนต้องระดมเครื่องจักรเปิดทางกันวุ่น ขณะที่ทางเชื่อมจุดผ่อนปรนค้าชายแดนห้วยผึ้งปิดมานานนับเดือนกระทบทั้งนำเข้า-ส่งออก
วันนี้ (3 ก.ย.) ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาป่าแปก อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนรายงานตอที่ว่าการอำเภอฯ ว่า ลูกบ้านเดินทางข้ามลำห้วยแม่สะงาเพื่อเข้าไปพื้นที่ทางการเกษตรตัวเองถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์ คนในหมู่บ้านได้ช่วยกันออกตามหา จนพบร่างที่ถูกกระแสน้ำพัดจมหายเสียชีวิตห่างจากจุดที่ถูกน้ำพัดจมหายประมาณ 500 เมตร ส่วนรถจักรยานยนต์ขณะนี้ยังไม่พบ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายวิ่งจิ่งต่า (ไม่มีชื่อสกุล) อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.4 ต.หมอกจำแป่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน
ต่อมานายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน สั่งการให้กลุ่มงานความมั่นคงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หมอกจำแป่, แพทย์เวร รพ.ศรีสังวาลย์, จนท.สนง.ปภ.จ.มส., ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาป่าแปก เพื่อร่วมกันชันสูตรศพดังกล่าว และมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ญาติเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป โดยญาติผู้เสียชีวิตไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าวแต่อย่างใด
วันเดียวกัน ยังเกิดเหตุหินขนาดใหญ่ร่วงลงมาพร้อมดินสไลด์ปิดทับเส้นทางทางหลวงชนบท หมายเลข 4001 เส้นทางหลักก่อนจะถึงพระตำหนักปางตองและบ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน
แขวงทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอนต้องระดมเครื่องจักรเข้าเคลียร์พื้นที่อย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวไปยังหมู่บ้านจีนรักไทยหรือปางอุ๋งเพียงสายเดียว ซึ่งไม่สามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นได้เลย กระทั่งช่วงบ่ายก็สามารถเปิดเส้นทางให้สัญจรผ่านได้แต่ยังต้องระมัดระวังดินไหลจากบนดอยไว้ด้วย
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบล่าสุดคือ ต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะบ้านห้วยผึ้ง บ้านทรายขาว บ้านคาหานและบ้านทุ่งมะส้าน เป็นหมู่บ้านตามเส้นทางน้ำของน้ำแม่สะงี ที่ไม่เคยประสบกับอุทกภัยใหญ่มานาน ในปีนี้กลับได้รับความเสียหายอย่างหนักหลายระลอก ทั้งพื้นที่การเกษตร สะพาน ฝาย รวมถึงระบบประปาภูเขา แต่ที่สาหัสหนักน่าจะเป็นช่วงจากบ้านทรายขาวไปยังด่านห้วยผึ้ง ที่ตั้งของจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ที่เจอดินไหลปิดทับเส้นทางมากว่า 1 เดือน ส่งผลให้การค้าขายระหว่างกัน รวมถึงสินค้านำเข้า-ส่งออกต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย แม้ว่าทางจังหวัดหรือผู้ประกอบการจะพยายามนำเอาเครื่องจักรเข้าไปแก้ไขมาโดยตลอดก็ตาม แต่อุปสรรคสำคัญก็คือถนนที่ตัดผ่านพื้นที่ป่าที่แทบไม่มีแนวลาดชันของไหล่ทาง กลายเป็นปัจจัยให้ดินไหลลงมาได้ง่าย
ด้าน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายณรงค์พัชญ์ นาคทรัพย์ นายอำเภอขุนยวม นายเรืองฤทธิ์ ผลดี หัวหน้าสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสมคิด ปัญญาดี ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่หมู่บ้านแม่โกปี่ หมู่ที่ 2 และบ้านหัวแม่ลาก๊ะ หมู่ที่ 8 ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ติดตามการฟื้นฟูและการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก หลังพื้นที่สองหมู่บ้านได้เกิดเหตุอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มหลายแห่ง จึงได้มีการพิจารณาที่จะเสนอให้ย้ายที่อยู่ของราษฎรที่อาศัยอยู่ในจุดเสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยต่อไป