ราชบุรี -“บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ นำเอกสารจากดีเอสไอมาชี้แจงกรณีโซเชียลพาดพิงธุรกิจเรื่องหมูเถื่อน 200 ล้านบาท โดยยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำธุรกิจเสียภาษีถูกต้องทุกอย่าง
วันนี้ (28 ส.ค. ) หลังจากที่มีกระแสข่าวทางโซเชียลกรณีมีนักการเมืองราชบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องเส้นทางการเงินหมูเถื่อน 200 ล้านบาท จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคมเป็นอย่างมากถึงการทำธุรกิจเลี้ยงสุกรในจังหวัดราชบุรี
วันนี้นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ได้นำเอกสารจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีรายละเอียดแจ้งถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัทกาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด ลงวันที่ 15 มีนาคม 2567 มาแสดง เรื่องการแจ้งผลการตรวจสอบ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันอาจเป็นความผิดตามมาตรา 244 และมาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 นั้น จากการสืบสวนของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัท กาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด ได้กระทำผิด กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่ดำเนินการสอบสวนอยู่ในขณะนี้ ลงชื่อ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี กล่าวว่า ได้มีการตำหนิว่านำหมูเถื่อนคือหมูจากต่างประเทศเข้ามา แต่มันไม่เป็นความจริง เรื่องหมูเถื่อนตนไม่ได้ทำ ไม่เคยคิดจะทำ ถามว่ากระทบช่วงใหม่ๆ ผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศไทยได้หยุดซื้อ และเราเร่งส่งเอกสารให้เขาดูหมดเลยว่าการค้าขายทำอย่างไรบ้าง จนมีการออกหนังสือยืนยันมาว่าไม่พบปัญหา การที่ดีเอสไอออกมาแบบนี้ได้คงไม่ใช่ธรรมดา ในสังคมโซเชียลบอกแล้วว่าครอบครัวหนึ่ง พ่อทำ ลูกทำก็อยู่อเมริกา และได้กลับมามอบตัวแล้ว รู้นะว่าใครทำแต่ก็โยงให้มาที่บ้านนี้อย่างเดียว ซึ่งธุรกิจตนตอนนี้ไม่กระทบแล้ว เพราะผู้ประกอบการได้ซื้อหมูปกติแล้ว เขาเห็นหนังสือแล้วก็จบ สังคมโซเชียลจะพูดอย่างไรไม่สนใจ ภาครัฐเชื่อว่าเราไม่ได้ทำ เป็นธุรกิจที่เสียภาษีถูกต้อง วันนี้ตนออกมาพูดในส่วนของการเป็นนักธุรกิจ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง
อยากให้สังคมรู้ข่าวหมูเถื่อนว่า ความจริงธุรกิจบ้านตนไม่ได้ทำแบบนั้น ธุรกิจบ้านตนตอนนี้ได้ยกให้ลูกหมดแล้ว ตนไม่มีธุรกิจ ไม่มีชื่อตนแล้ว ตนสงสารลูกๆ มีความไม่สบายใจกลับมาด้วย แต่พอเขาได้ให้หนังสือฉบับนี้ก็โล่งใจ สามารถค้าขายต่อไปได้แล้ว
จึงขอสื่อสารกับสังคมในฐานะเป็นแม่ของลูก ทำธุรกิจการเกษตรเลี้ยงหมู การเลี้ยงหมูของตน มีโรงงานอาหารสัตว์ มีพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ มีทั้งพันธุ์ปู่ย่ามาผสม และเป็นพันธุ์ชั้นดี เลี้ยงในธุรกิจของเครือกาญจนา และยังมีโรงงานแปรรูปหมู แปรจากตัวให้เป็นชิ้นส่วน ซึ่งตรงนี้ส่งออกต่างประเทศด้วย ช่วงโควิดได้ส่งออกไปจำนวนมาก เรามีการแปรรูปอย่างถูกต้อง ถูกสุขลักษณะอนามัยทุกอย่างเป็นวงจรของเราเองทั้งหมด ซึ่งทางดีเอสไอได้มีหนังสือยืนยันมาแล้วว่าที่บริษัทไม่พบปัญหาข้อผิดพลาดเรื่องหมูนำเข้า
“ตนและครอบครัวอยากขอความเป็นธรรมจากสังคม เพราะว่าครอบครัวดิตนไม่ได้ทำหมูเถื่อน การเลี้ยงหมูถือเป็นอาชีพของครอบครัวและจะต้องทำให้ถูกต้อง เพื่อให้ลูกหลานมีอาชีพทำมาหากินต่อไป ฝากด้วยว่าท่านที่สงสัยว่าตนทำผิดหรือไม่นั้นให้ดูเอกสารได้ และจะนำเอกสารปล่อยลงในเพจ เฟซบุ๊กของตน และสอบถามไปที่ดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรมว่าสอบสวนบริษัทกาญจนาเฟรช พอร์ค แล้วเป็นอย่างไร ซึ่งทางดีเอสไอสามารถอธิบายได้ อยากให้สังคมรับรู้ว่าที่มาพูดวันนี้ เพื่อปกป้องธุรกิจของลูกๆ จึงอยากให้สังคมได้มีความเข้าใจ ในส่วนของโซเชียล ที่ลงข่าวให้เกิดความเสียหายนั้น เพื่อเป็นการปกป้องธุรกิจของตนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป”