xs
xsm
sm
md
lg

กาง 8 ข้อ ป.ป.ช.ห่วงแจกเงินหมื่นส่อทุจริตเชิงนโยบาย ศก.ไม่วิกฤต แนะแจกแค่คนจนจริง จี้ กกต.ดักกลับลำหาเสียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิด 8 ข้อเสนอป.ป.ช ห่วงรบ.แจกเงินหมื่น เสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย ชี้ศก.ยังไม่วิกฤต แค่ชะลอตัว แนะกระตุ้นใช้จ่าย หากแจกให้แค่จนจริง แบ่งเป็นงวดผ่านแอปเป๋าตังค์ พร้อมจับตาใกล้ชิด จี้กกต.ตรวจสอบ สกัดนักการเมืองหาเสียงแล้วกลับลำทีหลัง

วันนี้ (7ก.พ.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. แถลงข่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. 3 ครั้ง โดยล่าสุดในการประชุมครั้งที่ 15/2567 เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา มีมติเห็นควรเสนอข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณี การเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามควรแก่กรณีในการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตหรือเกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน 8 ข้อ ซึ่งประธานป.ป.ช.ได้ลงนามเรียบร้อย ซึ่งจะส่งให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใน 2-3 วันนี้ โดยเอกสารมีทั้งหมด 61 หน้า ส่วนรายละเอียดที่จะเสนอ คือ 1.รัฐบาลควรศึกษา วิเคราะห์ การดำเนินโครงการตามนโยบายฯ รวมทั้งชี้แจงความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมว่าผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการจะไม่ตกแก่พรรคการเมือง นักการเมือง หรือเอื้อประโยชน์แก่คนใดคนหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมากกว่าผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งอาจเข้าข่ายการทุจริตเชิงนโยบาย ทั้งนี้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการต้องผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการอย่างแท้จริง เช่น เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย หรือกลุ่มเปราะบาง โดยต้องมีขั้นตอนและวิธีการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนเพื่อให้สามารถกระจายการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม


2.การหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 และ พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนั้น มีความแตกต่างกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรดำเนินการตรวจสอบว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับพรรคการเมืองสามารถหาเสียงไว้อย่างไร เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามที่ได้หาเสียงไว้ 3.การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลลอลเล็ตควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลกระทบ และภาระทางการเงิน การคลังในอนาคต ภายใต้หลักธรรมาภิบาล 4 ด้าน คือ ความโปร่งใส การถ่วงดุล การรักษาความมั่นคงของระบบการคลัง และความคล่องตัว รัฐบาลต้องระมัดระวัง พิจารณาระหว่างผลดี ผลเสียที่จะต้องกู้เงิน 500,000 ล้านบาท ในขณะที่ตัวทวีคูณทางการคลังมีเพียง 0.4 การกู้เงินจึงเป็นการสร้างภาระหนี้แก่รัฐบาลและประชาชนในระยะยาว ซึ่งจะต้องตั้งงบฯ ในการชำระหนี้ 4 - 5 ปี กระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ


4.การดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมายอย่างรอบคอบ ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 172 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 53 พ.ร.บ.เงินคงคลัง พ.ศ. 2491 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501ตลอดจนกฎหมาย คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นไปตามกฎหมาย 5. ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรประเมินความเสี่ยงในการดำเนินโครงการนี้อย่างรอบด้าน กำหนดแนวทางหรือมาตรการในการบริหารความเสี่ยง และการป้องกันการทุจริต มีกระบวนการตรวจสอบทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากการดำเนินโครงการ ซึ่งอาจนำข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เรื่อง การบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐซึ่งครม.มีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2553 มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติอย่างแท้จริง


6. ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน มาใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ระยะเวลา และงบฯ ที่ต้องใช้ในการพัฒนาระบบ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ซึ่งเป็นการแจกเงินเพียงครั้งเดียว ให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน 7. จากข้อมูลภาวะเศรษฐกิจของหน่วยงานต่างๆ ที่ได้จากการศึกษา และตัวทวีคูณทางการคลัง รวมถึงตัวบ่งชี้ภาวะวิกฤตที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รวบรวมและประมวลข้อมูลจากงานศึกษาของธนาคารโลกและ IMF เห็นตรงกันว่า ในช่วงเวลาที่ศึกษาอัตราความเจริญเติบโตของประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ เพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น ดังนั้น ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน รัฐบาลควรพิจารณาและให้ความสำคัญต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น การกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เพิ่มทักษะให้แก่แรงงาน เป็นต้น


8. หากรัฐบาลจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนที่เปราะบาง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น โดยแจกจากแหล่งเงินงบฯ ปกติ มิใช่เงินกู้ ตามพ.ร.บ.เงินกู้ และจ่ายในรูปเงินบาทปกติในอัตราที่เหมาะสม เพื่อพยุงการดำรงชีวิตของกลุ่มประชาชนยากจน โดยจ่ายเงินเป็นงวด ๆ ผ่านแอปเป๋าตังที่มีประสิทธิภาพ และมีฐานข้อมูลครบสามารถทำได้รวดเร็ว ทั้งนี้การใช้งบฯ ปกติ ไม่ใช่จากการกู้เงินตามพ.ร.บ.เงินกู้ จะลดความเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ ขัดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และพ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501 ที่สำคัญคือ ไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว


กำลังโหลดความคิดเห็น