อุทัยธานี - “บิ๊กต่าย” นำทีมแถลงจับยาเสพติดล็อตใหญ่..เผย ตร.แกะรอยกันตั้งแต่ตาก-บ้านไร่ อุทัยธานี แถมโดนคนร้ายยิงใส่เปิดทางหนีซ้ำ โชคดี จนท.ปลอดภัย ก่อนขยายผลรวบได้เกือบยกแก๊ง ยึดยานรกทั้งยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีน เคตามีน ค่านับพันล้าน
วันนี้ (27 ส.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือบิ๊กต่าย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พ.ต.อ.นพดล เทียมเมธา นว.(สบ 4) ตร. พ.ต.ท.รักษ์พล อำไพ รอง ผกก.ประจำ สง.ผบ.ตร. ร.ต.ท.นิติพร เพชรสุวรรณ นตต. พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผบก.ภ.จว.ตาก พล.ต.ต. ณรงค์เดชศ์ ศักดิ์สมบูรณ์ ผบก.ภ.จว.อุทัยธานี นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 6 และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ตาก ตำรวจ สภ.บ้านไร่ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทเศษ และหากส่งออกนอกประเทศได้จะมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
รอง ผบ.ตร.ระบุถึงที่มาและผลการจับกุมครั้งนี้ว่า จากนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางตำรวจภูธรภาค 6 จึงได้กำชับให้ตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง กระทั่งตำรวจภูธรจังหวัดตาก ซึ่งมีพื้นที่ติดชายแดนและเป็นเส้นทางจากทางภาคเหนือสู่ภาคกลาง สืบสวนหาข่าวและข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จนทราบว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดจากแนวชายแดนและทางภาคเหนือลักลอบผ่านพื้นที่จังหวัดตากเพื่อนำเข้าพื้นที่ชั้นในของประเทศ จึงได้ประสานข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 6 แล้วได้ร่วมกันวางแผน จัดกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการดังกล่าว และพบว่ามีความเคลื่อนไหว จึงเชื่อว่าน่าจะมีการปฏิบัติการขนยาเสพติดเร็ววันนี้
กระทั่ง 23 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าดูตามจุดต่างๆ แจ้งว่าพบรถต้องสงสัยวิ่งมาตามถนนสายรองมุ่งหน้าไปทาง จ.สุพรรณบุรี ชุดจับกุมจึงได้ขับรถสะกดรอยติดตามไปยังพื้นที่ของ สภ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และได้ตัดสินใจเข้าสกัดกั้นรถยนต์เป้าหมาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไร่ ช่วยสกัดจับรถจักรยานยนต์ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าสกัดจับรถยนต์เป้าหมาย คนขับรถ ทราบชื่อต่อมาคือ นายขันติ วงษ์มา ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจำนวนหลายนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงตอบโต้ที่ยางรถยนต์จนยางรถยนต์แตกไม่สามารถไปต่อได้ แต่นายขันติอาศัยความมืดหลบหนีไปได้
จากการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบ 1. ยาไอซ์ จำนวน 20 กระสอบ น้ำหนักรวม 500 กิโลกรัม มูลค่า 500 ล้านบาท 2. ยาบ้า จำนวน 24 กระสอบ รวม 4,800,000 เม็ด มูลค่า 144 ล้านบาท 3. เฮโรอีน จำนวน 6 กระสอบ จำนวน 600 แท่ง มูลค่า 180 ล้านบาท 4. เคตามีน จำนวน 10 กระสอบ น้ำหนักรวม 300 กิโลกรัม มูลค่า 240 ล้านบาท รวมมูลค่ายาเสพติด ประมาณ 1,000 ล้านบาทเศษ แต่หากส่งออกนอกประเทศได้จะมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท จึงได้ยึดเป็นของกลาง
นอกจากนี้ยังยึดของกลางเพิ่มเติม คือ 1. รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว สีเทา ทะเบียน 3 ฒฏ 4336 กทม. ใช้ลำเลียงยาเสพติด 2. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นฟอซา สีดำ ทะเบียน 7 ขษ 9318 กทม. ใช้นำเส้นทาง 3. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ BMW รุ่น S1000XR สี ขาว น้ำเงิน แดง ทะเบียน 5 ขฎ 12 กทม.ใช้นำเส้นทาง 4. รถยนต์กระบะสี่ประตู สีบรอนซ์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีขาว ทะเบียน 6 กก 4468 กทม. ใช้นำเส้นทาง 5. โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อสื่อสาร จำนวน 7 เครื่อง
และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ประกอบด้วย 1. นายธเนศ หรือธเนศ อุมัน อายุ 39 ปี ทำหน้าที่ขับนำ/ปิดท้าย 2. นายจิรวัฒน์ หรือนายแดง เซี่ยงหว็อง อายุ 36 ปี ทำหน้าที่ขับนำ/ปิดท้าย 3. นายอดิษฐ หรือดิษ วงษ์มา อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขับนำสำรวจเส้นทาง ส่วนผู้ต้องหาหลบหนี 1 ราย คือ นายขันดี หรือตั้ม วงษ์มา พื้นเพเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี ใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว สีเทา ทะเบียน 3 ฒฎ 4336 กทม.
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า 1. ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์, ยาบ้า, เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า 2. ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมได้เพิ่มเติมข้อหานายขันตีที่หลบหนีว่า ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่, พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ออกหมายจับไว้เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์ที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลายรายการ ได้แก่ 1. รถยนต์กระบะ 2 คัน 2. รถจักรยานยนต์ 5 คัน 3. รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน 4. กรอบทองพร้อมพระ จำนวนหลายองค์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 3 ล้านบาทเศษ