ลำปาง - คืบหน้าจับรถขนขยะ อบจ.เชียงใหม่ ข้ามถิ่นมาทิ้งลำปางกลางดึก พบจุดที่ทิ้งขยะอยู่เขตนิคมสหกรณ์ห้างฉัตร จัดให้ให้ทำการเกษตร-ที่อยู่อาศัย ด้านตำรวจอายัดรถดำเนินคดีแล้ว
ความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้จับกุมคนขับ-ยึดรถบรรทุกพ่วงที่ขนขยะจากจังหวัดเชียงใหม่ ข้ามถิ่นทิ้งลำปางเมื่อคืนที่ผ่านมา(23 ก.ค.)ได้ 1 คัน รวมทั้งมีการสำแดงเอกสารเท็จ ซึ่งเป็นเพียงใบส่งสินค้า และเอกสารประกอบธุรกิจกำจัดขยะของ อบจ.ลำปาง แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว ทั้ง อบจ.ลำปาง บริษัทปูนซิเมนต์ลำปาง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการลักลอบขนขยะจาก จังหวัดเชียงใหม่มาทิ้งในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
ล่าสุดวันนี้(24 ก.ค.) ตัวแทน อบจ.ลำปาง ได้เข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร พร้อมระบุว่า อบจ.ลำปางไม่มีนโยบายรับขยะข้ามถิ่นเข้ามากำจัด รับเพียงขยะจากท้องถิ่นที่ทำ MOU ไว้เท่านั้น ส่วนเอกสารที่คนขับรถบรรทุกขยะนำมาแสดง เป็นเพียงการทำเอกสารติดรถเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่เท่านั้น เจ้าหน้ที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาคนขับรถ ขนย้ายขยะโดยไม่ได้รับอนุญาตและยึดรถบรรทุกพร้อมพ่วงเพื่อส่งดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย เทศบาลตำบลเวียงตาล เทศบาลฯปงยางคก และ นิคมสหกรณ์ห้างฉัตร ได้ลงพื้นที้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จุดที่ทิ้งขยะเริ่มมีกลิ่นเหม็น และมีการนำโซ่-กุญแจมาล็อกปิดประตูไว้ จากการตรวจสอบขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นพื้นที่นิคมสหกรณ์ห้างฉัตรที่จัดสรรให้ประชาชนมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรและที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2515 และมีการเปลี่ยนมือกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันไม่เหลือสภาพการทำการเกษตร แต่ถูกนำพื้นที่มาทำเป็นที่ทิ้งขยะ และอยู่ในเขตการปกครองของเทศบาลฯปงยางคก
เบื้องต้นนายณรงค์ฤทธิ์ กุลกฤตยารัตน์ ผอ.นิคมสหกรณ์ห้างฉัตร บอกเพียงว่าขณะนี้ต้องรอให้ท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้ที่มีชื่อครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวก่อน จากนั้นจึงจะมีหนังสือแจ้งให้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการใช้พื้นที่
เมื่อถามว่าหากเจ้าของพื้นที่ซึ่งได้รับการจัดสรรจากรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรและที่อยู่อาศัย แต่กลับกระทำผิดกฎหมาย จะสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ นายณรงค์ฤทธิ์ บอกว่าไม่เรียกคืนแต่จะแจ้งให้มาเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ และตนก็จะยื่นวัตถุประสงค์นั้นให้กับคณะกรรมการพิจารณาตามลำดับต่อไป
ทั้งนี้เทศบาลตำบลปางยางคก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของที่ดินปัจจุบัน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี ด้านเจ้าหน้าที่ ทสจ.ลำปาง ได้เข้าตรวจสอบภายในรถบรรทุกพ่วงก็พบว่าเป็นขยะบ้านเรือน ไม่มีขยะติดเชื้อ หรือเชื้อขยะอันตรายใดๆ