xs
xsm
sm
md
lg

แกะกลโกงแก๊งรอง ผกก.-เมีย ทั้งลวงซึ่งหน้า-โทร.หลอกซ้ำๆ ข้ามปี เจ้าของร้านทองดังพะเยาสูญร่วม 230 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พะเยา - เปิดบันทึกตำรวจ..แฉกลโกงแก๊ง “พ.ต.ท.-รอง ผกก.” เมีย พร้อมพวกรวม 8 ราย ร่วมฉ้อโกงเถ้าแก่เนี๊ยร้านทองชื่อดังเมืองพะเยาแบบข้ามปี ทั้งลวงซึ่งหน้า, อ้างเป็น จนท.ปปง., โทร.หลอกให้โอน สูญทั้งเงินสด-ทองแท่ง/ทองรูปพรรณ รวมเกือบ 230 ล้านบาท


คดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังนางอรพิมพ์ อายุ 69 ปี เจ้าของร้านทองชื่อดังของเมืองพะเยา ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพงส.สภ.เมืองพะเยา เมื่อ 28 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ว่าเมื่อประมาณเดือนกันยายน 65 น.ส.ปรายฟ้า ซึ่งรู้จักและสนิทสนมกัน เนื่องจากเคยนำทองรูปพรรณ, กระเป๋าถือ และนาฬิกาโรเล็กซ์ (ตรวจสอบภายหลังเป็นของปลอม) มาจำนำที่ร้านทองของผู้เสียหายหลายครั้ง

โดย น.ส.ปรายฟ้ามากับสามี และได้แนะนำสามีเป็นนายตำรวจยศ “พ.ต.ท.” มีตำแหน่งเป็นรอง ผกก.โรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา ทำให้น่าเชื่อถือ ได้ชักชวนให้นำเงินไปปล่อยกู้ที่หน้ามหาวิทยาลัยพะเยา จะได้ดอกเบี้ยดีและใช้เวลาไม่นาน

ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงตกลงและมอบเงินสด-โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายมารุต ตามที่ น.ส.ปรายฟ้าแจ้งไว้ จำนวนหลายครั้ง หลังจากนั้น น.ส.ปรายฟ้าได้ร่วมกับพวก ทำการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

1. เดือนตุลาคม 65 น.ส.ปรายฟ้า และ “พ.ต.ท.” สามี ได้มาขอกู้เงินผู้เสียหายจำนวน 2,000,000 บาท โดยนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกัน แต่ไม่ได้ตรวจสอบโฉนดที่ดินว่าเป็นของใครเพราะไว้วางใจกัน จึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี พ.ต.ท.นายดังกล่าว รวม 1,700,000 บาท แล้วไม่ได้เงินคืน ภายหลัง น.ส.ปรายฟ้ามาอ้อนวอน อ้างเหตุผลต่างๆ นานาขอโฉนดที่ดินคืน จึงหลงเชื่อและมอบโฉนดที่ดินและสัญญากู้เงินคืนไป

2. น.ส.ปรายฟ้าแจ้งว่า บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ของนายมารุตที่โอนเงินเข้า ถูกเจ้าหน้าที่ ปปง.อายัด ให้โอนเงินเข้าบัญชีใหม่ เป็นธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายมารุต ผู้เสียหายจึงโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหลายครั้ง
3. น.ส.ปรายฟ้าชักชวนให้ผู้เสียหายนำทองรูปพรรณและทองแท่งไปจำหน่ายที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา จะได้ดอกเบี้ยดี จึงหลงเชื่อและได้มอบทองรูปพรรณและทองแท่งให้ น.ส.ปรายฟ้า ไปจำนวนหลายครั้ง รวมน้ำหนักทองทั้งหมด 260 บาท แล้วไม่ได้เงินหรือทองคืน

4. น.ส.ปรายฟ้าแจ้งว่า เงินในบัญชีของ นายมารุตทุกบัญชีถูก ปปง.อายัด ให้เปลี่ยนบัญชีเป็นของ ธ.ออมสิน ชื่อบัญชี น.ส.จีรารัตน์ ผู้เสียหายจึงโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหลายครั้ง
5. มีคนชื่อ น.ส.รัตติยา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. แจ้งผู้เสียหายว่าเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ต้องโอนเงินเข้าบัญชีของนายมารุตอีกครั้ง เพื่อให้มีการหมุนเวียนของเงินในการทำธุรกิจและต้องนำทองรูปพรรณไปตรวจสอบที่ ปปง.เพื่อยืนยันว่าได้ทำธุรกิจร้านทองจริง ผู้เสียหายจึงโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหลายครั้ง

6. น.ส.ปรายฟ้าแจ้งว่า ปปง.ทำการตรวจสอบทองรูปพรรณเสร็จแล้ว และได้ช่วยเหลือ จะให้ทองแท่งกับเจ้าหน้าที่ ปปง. 3 คน คนละ 10 บาท โดยจะรับผิดชอบคนละครึ่ง แต่ขอให้ผู้เสียหายออกไปก่อน จึงมอบทองแท่งน้ำหนัก 30 บาทให้ น.ส.ปรายฟ้า ไป
7. น.ส.รัตติยา ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. แจ้งว่าจะต้องเอาทองรูปพรรณและทองแท่งไปทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ผู้เสียหายจึงมอบทองรูปพรรณและทองแท่งให้กับ น.ส.ปรายฟ้า รวมน้ำหนักทองทั้งหมด 450 บาท และ น.ส.ปรายฟ้ายังแจ้งว่าต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ ปปง.อีก จึงโอนเงินให้อีกหลายครั้ง และยังมอบเงินสดให้ไปด้วย ซึ่ง น.ส.ปรายฟ้า และ น.ส.รัตติยา แจ้งว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะคืนเงินและทองให้ผู้เสียหาย

8. น.ส.รัตติยาต้องการซื้อทองจากผู้เสียหายไปจำหน่าย จึงส่งทองรูปพรรณให้จำนวนหลายครั้ง รวมน้ำหนักทอง 151 บาท โดยไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด
9. ผู้เสียหายได้พูดคุยกับ น.ส.ปรายฟ้า กรณีศาลจังหวัดพะเยาได้พิพากษายกฟ้องคดีที่ผู้เสียหายกับพวกยื่นฟ้องเรื่องทรัพย์สินมรดกในเครือญาติ ต่อมามีคนชื่อ น.ส.จิระประภา ไม่ทราบนามสกุล อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.เป็นหัวหน้า น.ส.รัตติยา แจ้งว่าสามารถช่วยเหลือคดีให้ชนะได้ แต่มีค่าใช้จ่าย จึงโอนเงินให้จำนวนหลายครั้งและยังได้มอบเงินสดและทองรูปพรรณให้ น.ส.ปรายฟ้าเอาไปให้ด้วย

10. ผู้เสียหายให้ น.ส.ปรายฟ้าไปยืมเงินผู้อื่นเพื่อเอาไปใช้คืนนายนพดล ที่ผู้เสียหายไปยืมมาก่อน โดยให้โอนให้นายนพดลไปเลย ต่อมา น.ส.รัตติยา-น.ส.จิระประภา ติดต่อมาหาผู้เสียหายแจ้งว่าภรรยานายนพดลถูกจับคดีค้าอาวุธสงคราม ที่ จ.แพร่ ทำให้ผู้เสียหายและลูกสาวเกี่ยวข้องด้วย จะต้องจ่ายเงินค้ำประกันและวิ่งเต้นคดี จึงโอนเงินให้หลายครั้ง และยังมอบทองรูปพรรณและเงินสดให้ น.ส.ปรายฟ้า ไปช่วยดำเนินการด้วย

11. น.ส.จิระประภาแจ้งว่าสามารถเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินที่ฟ้องร้องกัน เป็นชื่อของสามีผู้เสียหายได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย จึงโอนเงินให้จำนวนหลายครั้ง
12. น.ส.รัตติยา และ น.ส.จิระประภา แจ้งว่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมดทั้งที่ ปปง.และที่ธนาคาร จะออกแล้วพร้อมดอกเบี้ย แต่จะได้ดอกเบี้ยก่อน ขณะไปถอนเงินดอกเบี้ย ได้ขับรถไปชนผู้อื่นตาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้คนตายและตำรวจ จำนวน 3,000,000 บาท จึงโอนให้ไปอีก

13. น.ส.ปรายฟ้าแจ้งว่ากองปราบปรามได้ส่งหนังสือไปที่คอนโดฯของ น.ส.ปรายฟ้า ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่รับทำให้มีความผิด ต้องถูกปรับ 3,700,000 บาท จึงโอนเงินให้ไปอีก
14. ผู้เสียหายให้ น.ส.ปรายฟ้า นำทองรูปพรรณ น้ำหนัก 15 บาท ไปจำนำที่ร้านทอง อ.ดอกคำใต้ เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ต่อมา น.ส.จิระประภาติดต่อมาหาว่า เจ้าของร้านทองถูกจับยาเสพติด ทำให้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ต้องจ่ายเงินวิ่งคดี จึงโอนเงินให้ไปอีก

15. น.ส.จิระประภาแจ้งให้ผู้เสียหายส่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปให้ น.ส.ปรายฟ้า เพื่อจะมอบให้ น.ส.นวรัตน์ ไปทำเรื่องคืนทรัพย์สิน โฉนดที่ดิน ที่สำนักงาน ปปง. ศาล และต้องถ่ายภาพรถขนทรัพย์สินขณะนำส่งให้ผู้เสียหาย โดยต้องมีค่าใช้จ่าย จึงโอนเงินให้หลายครั้ง
16. น.ส.จิระประภาแจ้งว่า ผู้เสียหายเคยไปยืมเงินของ น.ส.สุรีรัตน์ไปประกันตัว และ น.ส.สุรีรัตน์ ถูกจับคดีหมูเถื่อนจึงเกี่ยวข้องด้วย ต้องจ่ายเงินวิ่งคดี จึงโอนเงินให้หลายครั้ง
17. น.ส.รัตติยาแจ้งว่าต้องจ่ายเงินประกันรถขนทรัพย์สินที่จะเอามาส่งให้ผู้เสียหาย เนื่องจากรถออกจาก ปปง.เกินเวลา และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยจึงโอนเงินให้ครั้ง

18. น.ส.จิระประภาแจ้งว่า ฝรั่งที่เคยยืมเงินมาจำนวน 950,000 บาท เดินทางมาประเทศไทย และต้องการเอาเงินคืน ซึ่งเงินอยู่ที่ ปปง. และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย จึงโอนเงินให้หลายครั้ง
19. ผู้เสียหายได้ขายทองรูปพรรณเก่าให้นายนพดลไป ต่อมามี น.ส.รัตติยา และ น.ส.จิระประภา ติดต่อมาหา แจ้งว่าภรรยานายนภดลยังมีคดียาเสพติดเดิมอยู่ ทำให้เกี่ยวข้องด้วย ต้องจ่ายเงินวิ่งคดี จึงโอนเงินให้อีกหลายครั้ง
20. น.ส.จิระประภาแจ้งว่าต้องจ่ายเงินค่ามัดจำโฉนดที่ดินที่ศาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงโอนเงินให้หลายครั้ง

หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ติดตามทวงถามทรัพย์สินคืนจาก น.ส.ปรายฟ้า, น.ส.รัตติยา, น.ส.จิระประภา มาโดยตลอด ได้รับแจ้งว่าจะได้รับทรัพย์สินคืนภายใน 1-2 วัน แต่พอครบกำหนดก็ไม่ได้รับคืน และเลื่อนเวลาออกไปเรื่อยๆ และในวันที่ 16 พฤษภาคม 67 น.ส.ปรายฟ้ายังได้ชวนผู้เสียหายนั่งรถเพื่อไปรับเงินที่สำนักงาน ปปง.กรุงเทพฯ ด้วย แต่ผู้เสียหายเกิดความกลัวจะไม่ปลอดภัย จึงไม่ตกลง

และเมื่อปรึกษาลูกชาย จึงเชื่อว่าถูก น.ส.ปรายฟ้า กับพวก ร่วมกันหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปทั้งเงินสด และทองคำแท่ง, ทองคำรูปพรรณ ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 228,807,300 บาท จึงร้องทุกข์และมอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อ  น.ส.ปรายฟ้า แสงแก้ว กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น ตามกฎหมาย

พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบคนร้ายหรือผู้เกี่ยวข้องประมาณ 8 คน คือ 1. น.ส.ปรายฟ้า อายุ 39 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา 2. “พ.ต.ท.” นายตำรวจที่เป็นรอง ผกก.โรงพักแห่งหนึ่งในพะเยา 3. นายมารุต อายุ 43 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.เมืองพะเยา 4. น.ส.ปิยะธิดา อายุ 33 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน 5. น.ส.จิรารัตน์ อายุ 31 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย 6. น.ส.นวรัตน์ อายุ 33 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี 7. น.ส.จิระประภา ไม่ทราบนามสกุล-ที่อยู่ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. และ 8. น.ส.รัตติยา ไม่ทราบที่อยู่ อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.

ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน 67 ศาลจังหวัดพะเยาอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ได้แก่ 1. น.ส.ปรายฟ้า ตามหมายจับที่ จ.๘๕/๒๕๖๗ 2. นายมารุต ตามหมายจับที่ จ.๘๖/๒๕๖๗ 3. น.ส.ปิยะธิดา ตามหมายจับที่ จ.๘๗/๒๕๖๗ 4. น.ส.นวรัตน์ ตามหมายจับที่ จ.๘๘/๒๕๖๗ 5.น.ส.จิรารัตน์ ตามหมายจับที่ จ.๘๙/๒๕๖๗

รุ่งขึ้น 5 มิ.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายมารุต หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่บ้านพัก และ 6 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.ปิยะธิดา ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่บ้านพัก พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา “พ.ต.ท.” รอง ผกก.สภ.แห่งหนึ่ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น