ชัยนาท - ชลประทานที่ 12 แจ้งเตือน 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 1 ให้ติดตามสถานการณ์น้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร
วันนี้ (19 ก.ค.) นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 จังหวัดชัยนาท ส่งหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 1/2567 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ให้เตรียมความรับสถานการณ์น้ำ และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า ตามประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 7/2567 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ
จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 15-20 กรกฎาคม 2567 นั้น ปัจจุบัน มีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.00 น. ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C2 จังหวัดนครสวรรค์ วัดได้ 710 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้น อยู่ที่ระดับ +16.06 เมตร (รทก) ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
โดยจะรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนไม่ให้เกินระดับ +16.50 เมตร (รทก) และคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 300-500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรศรีอยุธยา ประมาณ 1-1.50 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวยังคงอยู่ในตลิ่งลำน้ำ
ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 12 จะควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ด้วยการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมิให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ สำนักงานชลประทานที่ 12 จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จังหวัดประกาศประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
