สระแก้ว - ตร.สระแก้ว สนธิกำลังหลายหน่วยบุกทลายเซฟเฮาส์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ริมชายแดนอรัญประเทศ ยึดซิมบ็อกซ์ซึ่งเป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณและเราเตอร์ไวไฟอินเทอร์เน็ตใช้หลอกคนไทยได้นับแสนรายต่อเดือน แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด รู้เพียงชื่อหญิงไทยใช้เปิดห้องนาน 6 เดือน ตร.เร่งตามตัวขยายผล
วันนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว. และ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.คลองลึก สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว บุกเข้าตรวจค้นห้องเช่าเลขที่ 178 ภายในคำเสียงรีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดน ม.6 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
หลังตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และ ตร.สภ.คลองลึก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ ว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือในประเทศติดต่อเข้าไปหลอกลวงและข่มขู่ ซึ่งหลังรับแจ้งกำลังเจ้าหน้าที่ได้พยายามออกทำการสืบสวน และหาข่าว
กระทั่งตรวจสอบพบว่ามีสัญญาณโทรศัพท์ที่ส่งออกมาจากห้องเช่าเลขที่ดังกล่าว จึงเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันขอหมายค้นจากศาลจังหวัดสระแก้ว บุกเข้าตรวจค้นโดยพบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ Sim Box (GSM Gateways) จำนวน 2 เครื่อง และเราเตอร์ไวไฟอินเทอร์เน็ต จำนวน 1 เครื่อง ติดตั้งและเปิดสัญญาณอยู่ภายในห้อง แต่ไม่พบผู้อยู่อาศัย จึงยึดอุปกรณ์ทั้งหมดกลับมาตรวจสอบที่ สภ.คลองลึก
พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เผยว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ตรวจยึดได้จากห้องพักในรีสอร์ตแห่งนี้เป็นของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในฝั่งกัมพูชา ซึ่งเข้ามาที่เช่าห้องพักดังกล่าวเพื่อรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งกัมพูชา ก่อนจะกระจายสัญญาณเข้าซิมบ็อกซ์เพื่อแปลงเป็นสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่เป็นเบอร์ในประเทศสำหรับใช้โทร.หลอกลวงคนไทย ซึ่งซิมบ็อกซ์แต่ละเครื่องสามารถใส่ซิมการ์ดได้ถึงเครื่องละ 128 ซิม รวม 2 เครื่องสามารถใส่ซิมการ์ดได้ถึง 256 ซิม สามารถโทร.หลอกประชาชนในประเทศไทยได้กว่าหลายแสนครั้งต่อเดือน
โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะทำหน้าที่แปลงสัญญาณโทรศัพท์มือถือผ่านทางอินเทอร์เน็ต เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.ไปหลอกเหยื่อ หมายเลขโทรศัพท์จะขึ้นเบอร์ที่ปลายสายเป็นเบอร์ปกติ หรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้กันทั่วไปภายในประเทศ เพื่อให้ปลายสายเข้าใจว่า ผู้โทร.อยู่ในประเทศไม่ได้อยู่ต่างประเทศ ส่วนผู้กระทำผิดจะอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและจากการสอบถามผู้ดูแลคำเสียงรีสอร์ท
ทราบชื่อผู้เช่าห้องคือ น.ส.จิรสุตา สิงห์จังหรีด อายุ 21 ปี ชาว อ.ตาพระยา และได้ติดต่อเช่านาน 6 เดือนโดยได้จ่ายเงินล่วงหน้าไว้แล้วเป็นเงิน 23,000 บาท แต่เข้ามาอยู่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งตามตัวมาสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 เผยว่าตำรวจภูธรภาค 2 จะได้ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด รวมทั้งขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องและจะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อสกัดกั้นไม่ให้แก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เคลื่อนไหวอยู่ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ง่าย
