หนองคาย - ผู้กำกับการ สภ.เมืองหนองคายแจงพฤติกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์เลือกหนองคายเป็นฐานรับ-ส่งสัญญาณจากประเทศเพื่อนบ้าน กว้านซื้อซิมราคาเหมาจ่าย เปิดแอร์ เปิดคอมพ์ตลอดเวลา เผยหัวหน้าแก๊งอยู่ในประเทศลาว ทราบใบหน้ารูปพรรณสัณฐานแล้ว
จากกรณีที่ตำรวจภูธรเมืองหนองคายร่วมกับศุลกากรหนองคาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมหญิงชาวเวียดนาม อายุ 39 ปี ซึ่งหิ้วกระเป๋าส่งสัญญาณโทรศัพท์เข้าประเทศไทยผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ศุลกากรเห็นผิดสังเกตจึงประสานตำรวจเข้าตรวจค้นห้องเช่าของหญิงเวียดนามในตัวเมืองหนองคายพบเป็นสถานที่ส่งสัญญาณให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากต่างประเทศ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในวันนี้ (13 ก.พ. 67) พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย เปิดเผยว่า วิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้เบื้องต้นจะให้คนเข้ามาหาห้องเช่าในเขตอำเภอเมืองหนองคาย หรือเขตแดนของไทยที่อยู่ใกล้กับฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นจะขนอุปกรณ์ประเภทซิมบอกซ์เข้ามาพร้อมกับคอมพิวเตอร์มาติดตั้งระบบภายในห้องเช่าเพื่อจะถ่ายทอดสัญญาณซิม เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องเปิดแอร์ให้ตลอด ห้องเช่าจึงต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา เมื่อติดตั้งสัญญาณคอมพิวเตอร์กับซิมบอกซ์เรียบร้อยแล้วก็จะต่อกับอินเทอร์เน็ตให้เสถียรที่สุด เพื่อจะมีการควบคุมรีโมตมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
โดยส่งคนหนึ่งคนมาควบคุมสถานที่ตั้งเครื่องส่งสัญญาณซิมบอกซ์ คอยดูระบบอินเทอร์เน็ต และเปลี่ยนซิมเมื่อซิมหมด ทางประเทศเพื่อนบ้านจะสั่งการมาที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สั่งการซิมต่างๆ โทร.ออกไปหาลูกค้าเพื่อทำการหลอกลวง ทั้งการโทรศัพท์และส่ง sms ลิงก์ต่างๆ ไปหาเหยื่อเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อแล้วเอาเงินเหยื่อมา นี่คงเป็นครั้งที่สองที่พบในไทย
ส่วนการขยายผลตอนนี้เจ้าหน้าที่พอทราบหัวหน้าแก๊งที่อยู่ประเทศลาว ได้ทราบใบหน้าแล้ว กำลังหารือเพื่อประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนผู้ต้องหาหญิงชาวเวียดนามทำหน้าที่เป็นคนคุมซิมในประเทศไทย มีหน้าที่จัดหาซิมต่างๆ ที่จะค้นทางอินเทอร์เน็ตราคาถูก แล้วสั่งซื้อครั้งละ 300-500 ซิม ในราคาเหมาจ่าย และทำหน้าที่ดูแลเครื่องซิมบอกซ์ เปิดปิด เปลี่ยนซิม โดยห้ามปิดคอมพิวเตอร์และแอร์จะทำงานตลอดเวลา เมื่อมีปัญหาก็จะประสานไปยังหัวหน้าที่ต่างประเทศ ซึ่งผู้ต้องหาได้เงินค่าจ้างเดือนละ 700 เหรียญสหรัฐ ภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนช่วยเฝ้าระวัง หากพบว่าสถานที่ใดมีลักษณะต้องสงสัย อาทิ ไม่เปิดกิจการแต่มีการเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน คล้ายกับสถานีส่งสัญญาณสื่อสาร ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้