เชียงใหม่ – กรมอุทยานฯ เปิดกิจกรรม KICK OFF การทำเกษตรแบบขั้นบันไดเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ และลดการชะล้างพังทลายของดิน ประเดิมนำร่องแห่งแรกที่ “บ้านแม่แอบใน” เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ชี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินบนพื้นที่สูงชันควบคู่การรักษาป่า พร้อมส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ราษฎรอาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แถมผลพลอยได้เรื่องการท่องเที่ยว
วันนี้(29 มิ.ย.67) ที่บ้านแม่แอบใน หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธานเปิดกิจกรรม KICK OFF การทำเกษตรแบบขั้นบันไดเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ และลดการชะล้างพังทลายของดิน โดยนำนายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) และนายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และชาวชุมชนบ้านแม่แอบใน ร่วมกันปลูกต้นอะโวคาโด ซึ่งเป็นไม้ผลยืนต้นเพื่อเก็บผลผลิตขายในอนาคต รวมทั้งหญ้าแฝกและหว่านเมล็ดปอเทืองป้องกันการพังทลายของดิน ลงบนแปลงเกษตรพื้นที่สูงชันเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ที่ได้รับการปรับพื้นที่ให้เป็นพื้นที่เกษตรแบบขั้นบันได ซึ่งถือเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ในอดีตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไม่อนุญาตให้ราษฎรและชุมชนอยู่อาศัยทำกิน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และมาตรา 121 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า อนุญาตให้อยู่อาศัยทำกินได้ แต่มีเงื่อนไขและต้องปฏิบัติตามแนวทางของกรมอุทยานฯ ซึ่งการทำเกษตรแบบอนุรักษ์ดินและน้ำนั้น เป็นหนึ่งในแนวทางตามนโยบายของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ให้ขอความร่วมมือทุกชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์ ที่ทำการเกษตรอยู่บนพื้นที่สูงชัน ให้มีการปรับพื้นที่ให้เป็นแบบขั้นบันได เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ำ
โดยการจัดกิจกรรม KICK OFF การทำเกษตรแบบขั้นบันไดเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ และลดการชะล้างพังทลายของดิน ในครั้งนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งการทำการเกษตรแบบอนุรักษ์ดินและน้ำนั้น ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น1เอ,ชั้น1บี และชั้น 2 เนื่องจากพบว่าในแต่ละปีมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการพังทลายของหน้าดิน ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการเกิดไฟไหม้ป่าที่ทำให้หน้าดินเสียหายและขาดคุณสมบัติทางกายภาพ ทำให้เมื่อฝนตกจึงถูกชะล้างและพังทลาย ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบการเกษตรแบบขั้นบันไดนั้น สามารถช่วยป้องกันและลดการพังทลายของหน้าดินได้มากว่า 90% นอกจากนี้ยังส่งผลดีทางอ้อมในเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งหลังจากที่ปีนี้ได้ริเริ่มการปรับพื้นที่แล้ว ในปีต่อไปทางกรมอุทยานฯ ยังมีแผนงานที่จะสนับสนุนเพิ่มเติมในส่วนของการพัฒนาระบบน้ำสำหรับการทำการเกษตรอีกด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมการอยู่อาศัยทำกินของราษฎรควบคู่กับการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้านนายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ให้ขอความร่วมมือทุกชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์ ที่ทำการเกษตรอยู่บนพื้นที่สูงชัน ให้มีการปรับพื้นที่ให้เป็นแบบขั้นบันได เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ำ นั้น ถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยในพื้นที่รับผิดชอบของ สบอ.16(เชียงใหม่) ได้ทำการสำรวจเพื่อจะดำเนินการในปี 2567 รวมทั้งสิ้น 1,200 ไร่ ซึ่งบ้านแม่แอบใน เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรก
ขณะที่นายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผยว่า ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีชุมชนที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานฯ จำนวนทั้งหมด 34 หมู่บ้าน โดยที่แต่ละหมู่บ้านมีวัฒนธรรมประเพณีที่สอดคล้องกับการดูแลรักษาป่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งแต่ละหมู่บ้านต่างให้ร่วมมือกันเป็นอย่างดีในการช่วยเหลือกันดูแลรักษาป่าในรูปแบบของเครือข่ายที่ประกอบด้วย 5 เครือข่ายลุ่มน้ำภูมินิเวศดอยอินทนนท์ ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำงานและแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เป็นอย่างมาก.