พิจิตร - ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยพ่อแม่ลูก 6 ชีวิตชาววชิรบารมี พิจิตร บ้านถูกตัดไฟ 2 ปี-ยากไร้ถึงขั้นต้องเก็บกระถินริมทาง/ผักบุ้งกลางนา ต้มกับผงปรุงรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บางมื้อต้องกินข้าวกับเกลือคลุกพริกป่น เถ้าแก่ร้านดังเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่จน “น้องจ๋า”พี่คนโตถึงกับบอก..อร่อยสุดในชีวิตรอบ 2-3 ปี-ขอห่อกลับบ้านฝากน้อง
ความคืบหน้ากรณีพระเมธีธรรมประนาท หรือเจ้าคุณปรีชา เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง และครูของโรงเรียนบ้านหนองขาว เลขที่ 99 หมู่ 9 ต.บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเด็กนักเรียนและพบเห็นครอบครัวของลูกศิษย์ที่อยู่รวมกันพ่อ-แม่-ลูก 6 ชีวิต ใช้ชีวิตความเป็นอยู่ด้วยความยากลำยากแร้นแค้น
หลังจากนายสารัช ขำเมือง อายุ 32 ปี ผู้เป็นพ่อ ซึ่งป่วยเป็นโรคไทรอยด์-กล้ามเนื้ออ่อนแรง ถูกเลิกจ้างจากผลกระทบโควิด และ น.ส.ศิริพร พลับพลาทอง อายุ 31 ปี “ผู้เป็นแม่” มีลูกทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย เด็กหญิง อมรรัตน์ ขำเมือง “น้องจ๋า” อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม. 2 , เด็กชายภาณุพงศ์ ขำเมือง “น้องเน็ท” อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป. 5 , เด็กหญิงวัณวิสา ขำเมือง “น้องจูน” อายุ 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป. 2 , ด็กชายพัชรพล ขำเมือง “น้องไนซ์” อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3
บ้านที่อยู่อาศัยถูกตัดไฟฟ้าใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมานานเกือบ 2 ปี ด้วยความยากจนจึงไม่มีเงินไปจ่ายค่าไฟ รายได้ที่ได้มาก็แค่พอกินไปวันๆ บางวันคนในครอบครัวนี้ก็ต้องอดข้าวหรือถ้ามีข้าวสารหุงกินก็จะกินข้าวกับผักบุ้งต้มใส่กับผงเครื่องปรุงบะหมี่สำเร็จรูป ฟังเรื่องรันทดแล้วน่าเศร้าใจเป็นยิ่งนัก
ล่าสุด นายกฤตชัย สุวรรณจินดา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง รายงานว่า บ้านที่ถูกตัดไฟขณะนี้การไฟฟ้าอำเภอวชิรบารมีได้ไปต่อกระแสไฟฟ้าให้ใช้ได้แล้ว จึงทำให้ 6 ชีวิตในครอบครัวนี้ได้เห็นแสงสว่างในยามค่ำคืนเป็นครั้งแรกในรอบ 2-3 ปี ตั้งแต่คืนวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าว ยังได้ติดตามดูชีวิตประจำวันลูกสาวคนโตของครอบครัวนี้ คือ เด็กหญิง อมรรัตน์ ขำเมือง “น้องจ๋า” อายุ 14 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.2 ในโรงเรียนบ้านหนองขาว แต่ทุกวันศุกร์โรงเรียนก็จะพามาเรียนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิจิตร แผนกคหกรรมศาสตร์ ตาม MOU โรงเรียนบ้านหนองขาว กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาพิจิตร และศุกร์นี้(28 มิ.ย.)เรียนวิชาการจับจีบผ้าและผูกผ้า หลักสูตรระยะสั้น 90 ชั่วโมง
เด็กหญิง อมรรัตน์ หรือ“น้องจ๋า” ก็เล่าว่า ก่อนหน้านั้นตื่นแต่เช้าขึ้นรถมาโรงเรียนก็ไม่ได้กินข้าวเช้าที่บ้านและมาที่วิทยาลัยก็ไม่มีเงินค่าขนม-ค่าข้าวมาซื้อกินที่วิทยาลัย ก็อาศัยเพียงกินน้ำประทังความหิว จนกระทั่งได้เป็นข่าวออกสื่อได้รับเงินบริจาค ที่บ้านจึงมีเงินซื้อกับข้าวมาทำกินและศุกร์นี้(28 มิ.ย.)แม่ก็ให้เงินติดตัวมาที่วิทยาลัย 40 บาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ครูที่วิทยาลัยอาชีวศึกษา ได้ฟังได้ยินถึงกับอึ้งเนื่องจากเด็กมาเรียนแค่สัปดาห์ละ 1 วัน เท่านั้นเอง
และระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังฟังเรื่องราวของ เด็กหญิง อมรรัตน์ หรือ “น้องจ๋า” ก็ได้รับการประสานจากนายไพศาล เจ้าของร้านอาหาร “เลิศรส” ในตลาดเมืองพิจิตร โทรมาแจ้งจะบริจาคเงินในนามชมรมพิจิตรธุรกิจสัมพันธ์ และให้มารับเงินที่ร้าน “เลิศรส”
โอกาสนี้นายไพศาล เจ้าของร้านอาหาร “เลิศรส”ก็ได้ทำทอดมันปลา ลูกชิ้นปูผัดผักโสภณ และข้าวผัดปู-กุ้ง ให้กินด้วย ซึ่งเด็กหญิง อมรรัตน์ หรือ“น้องจ๋า” ก็กินอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับบอกว่าอาหารมื้อนี้เป็นของกินที่อร่อยที่สุดในชีวิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยได้กินของอร่อยเช่นนี้และยังขอห่อใส่ถุงไปฝากน้องๆ ที่บ้านด้วย
ในส่วนของความช่วยเหลือ0ธารน้ำใจจากผู้ใจบุญที่มีเมตตายังคงหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ซึ่งคงเพียงพอกับการปรับปรุงที่อยู่อาศัย-ให้พ่อและแม่ของเด็กๆ ได้ทำทุนเพื่อทำมาหากินดูแลครอบครัวและเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ทั้ง 4 ชีวิต ได้อยู่รอดตลอดรอดฝั่งด้วยต่อไป
สำหรับท่านใดที่มีสิ่งของเหลือใช้หรือเสื้อผ้าที่อยากจะบริจาคให้เด็กทั้ง 4 คนนี้ หรือเผื่อแผ่บริจาคช่วยเด็กๆ คนอื่นๆ ในโรงเรียนบ้านหนองขาว สามารถสอบถามรายละเอียด โทร 085-7267119 คุณครูพรรณงาม รอดฟ้า ร.ร.บ้านหนองขาว ต.บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร
