พิจิตร - สุดสะเทือนใจ..ครูพบครอบครัวเด็กนักเรียนวชิรบารมี รวม 6 ชีวิต สุดลำเค็ญ พ่อแม่ตกงานแถมป่วยเป็นโรคไทรอยด์-กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟฟ้าถูกยกหม้อไม่มีไฟฟ้าใช้นานนับปี แร้นแค้นถึงขั้นเด็ดยอดกระถินข้างทาง-ผักบุ้งกลางนาต้มกับผงปรุงรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหาร เด็กอาศัยกินข้าวโครงการอาหารกลางวันแล้วห่อกลับบ้าน
เรื่องสุดเศร้านี้ถูกเปิดเผยขึ้น โดยพระเมธีธรรมประนาท หรือเจ้าคุณปรีชา เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง และ นางสาวพรรณงาม รอดฟ้า ซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้นของเด็กๆ อยู่ที่โรงเรียนบ้านหนองขาว เลขที่ 99 หมู่ 9 ต.บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร โรงเรียนขยายโอกาสในความดูแลของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1
ซึ่งพบว่าครอบครัวของเด็กนักเรียนในความดูแล ไม่มีไฟฟ้าใช้มานานเป็นปีๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่กันอย่างยากลำบาก รวม 6 ชีวิต ประกอบด้วย เด็กหญิง อมรรัตน์ ขำเมือง “น้องจ๋า” อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2, เด็กชายภาณุพงศ์ ขำเมือง “น้องเน็ท” อายุ 11 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.5, เด็กหญิงวัณวิสา ขำเมือง “น้องจูน” อายุ 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป. 5, เด็กชายพัชรพล ขำเมือง “น้องไนซ์” อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ที่อาศัยอยู่กับนายสารัช ขำเมือง อายุ 32 ปี ผู้เป็นพ่อ และ น.ส.ศิริพร พลับพลาทอง อายุ 31 ปี ผู้เป็นแม่
ความทุกข์ยากของเด็กๆ ในครอบครัวนี้ เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด ทำให้นายสารัช (พ่อ) ซึ่งเป็นช่างเชื่อมทำงานอยู่กับผู้รับเหมา ถูกเถ้าแก่เลิกจ้างเพราะไม่มีงานให้ทำ ประกอบกับมีโรคประจำตัวรุมเร้า คือ โรคไทรอยด์ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงกลับมาอยู่บ้านทำงานรับจ้างทั่วไป แต่ด้วยในพื้นที่เป็นชนบทจึงมีงานว่าจ้างเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ เงินหรือรายได้ที่ได้มาก็ได้เพียงแค่พอซื้อข้าวสารกิน
ประกอบกับพ่อและแม่ของเด็ก เข้าใจผิดว่าจะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีตามมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และประสบเหตุโควิดจึงไม่ได้จ่ายค่าไฟกลายเป็นดินพอกหางหมู ในที่สุดก็ถูกการไฟฟ้าตัดไฟและถอดมิเตอร์ไฟฟ้าไปนานนับปีแล้ว ถ้าจะขอใช้ไฟฟ้าก็ต้องนำเงินก้อนไปจ่าย
ซึ่งพ่อและแม่เด็กไม่สามารถหาเงินก้อนมาจ่ายได้ จึงปล่อยให้ลูกๆ ทั้ง 4 คนใช้ชีวิตอยู่ในความมืด ยามค่ำคืนก็ต้องจุดเทียนและใช้ตะเกียงส่องสว่าง ด้วยความยากจนแม้แต่เตาถ่านหุงข้าวก็ยังไม่มี เด็กๆ เหล่านี้จะได้กินข้าวอิ่มท้องก็ต่อเมื่อไปกินที่โรงเรียน และห่ออาหารที่เหลือจากโรงอาหารของโรงเรียนกลับมาเป็นอาหารเย็นที่บ้าน
เด็กหญิงอมรรัตน์ ขำเมือง หรือน้องจ๋า อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านหนองขาว เล่าถึงชีวิตที่ยากลำบากว่า ข้าวสารก็แทบจะไม่มีกรอกหม้อ ไปโรงเรียนก็ไม่มีเงินค่าขนมไปกินที่โรงเรียน บางวันพ่อกับแม่ก็พากันไปเก็บยอดกระถินที่ขึ้นอยู่ริมถนน เก็บผักบุ้งกลางทุ่งนามาต้มกิน โดยจะไปขอเครื่องปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาใส่ในน้ำต้มผักบุ้งเพื่อให้มีรสชาติ ให้ได้กินอิ่มท้องประทังความหิวกัน และก็บ่อยครั้งที่ทั้งครอบครัวต้องกินข้าวกับเกลือละลายกับพริกป่น จึงขอความเมตตาขอทุนการศึกษา ขอทุนให้พ่อแม่ ทำมาค้าขายหรือประกอบอาชีพ รวมถึงขอไฟฟ้าให้กับครอบครัวของเธอด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่ครอบครัวนี้กำลังประสบอยู่ เนื่องจากมีฐานข้อมูลจากผู้นำชุมชนกล่าวให้ร้ายว่า พ่อและแม่เด็กๆ มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้หน่วยงานราชการตัดหางปล่อยวัด ซึ่งอาจเป็นเรื่องในอดีตของผู้เป็นพ่อสมัยที่เป็นผู้ใช้แรงงานทำให้ถูกแบล็กลิสต์
เมื่อพระสงฆ์-ครูเข้าช่วยเหลือและเป็นข่าว ล่าสุด นายกฤษชัย สุวรรณจินดา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่และนำตัวพ่อและแม่ของเด็กๆ ทั้ง 4 คน มาทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งผลปรากฏว่าไม่พบสารเสพติดอยู่ในร่างกายแต่อย่างใดทำให้พ้นมลทิน
หลังจากนี้ทางราชการก็จะช่วยเหลือจัดหาวัสดุอุปกรณ์และปัจจัยในการทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ให้มีรายได้ แต่พ่อและแม่ของเด็กๆ มีความประสงค์อยากจะมีมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเพื่อค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งก็จะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป
สำหรับท่านใดที่มีเมตตาต้องการช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวนี้ เชิญร่วมทำบุญได้ที่ชื่อบัญชี นางสาวศิริพร พลับพลาทอง (แม่ของเด็กๆ) และนางสาวพรรณงาม รอดฟ้า (ครูประจำชั้นของเด็กๆ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เลขที่บัญชี 020-233-199-635 สอบถามรายละเอียด โทร. 08-5726-7119 ครูพรรณงาม ร.ร.บ้านหนองขาว ต.บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร