กาญจนบุรี - “นายกนิด” แนะขุดลอกโครงการแก้มลิงให้ลึก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ด้านกรมโยธาฯ ทุ่มงบ 780 ล้านบาท แก้ปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากอย่างเป็นระบบ หลังผ่านงบประมาณแล้ว
เวลา 10.00 น.วันนี้ (11 พ.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่โครงการแก้มลิง ถ.พัฒนากาญจน์ ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่เทศบาลเมืองกาญจนบุรี และเทศบาลเมืองปากแพรก โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายพรรณรบ เตชะมงคลาภิวัฒน์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี นายอนันต์ สิริพฤกษา โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี
นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ นายชูศักดิ์ แม้นทิม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และ นายพนมโพธิ์แก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 เขต 2 เขต 4 และเขต 5 น.ส.พลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งส่วนราชการให้การต้อนรับ สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมาต้อนรับกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งได้นำผ้าขาวม้า 100 สี ที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของชาวบ้านบ้านหนองขาว ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง มาผูกเอวให้นายกรัฐมนตรีด้วย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับในภายหลังว่า วันนี้รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณลงมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เร่งดำเนินการทำงานตามแผนให้ได้โดยเร็วเพราะอีกไม่นานจะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว
สำหรับโครงการแก้มลิงที่มีอยู่ตรงนี้สมควรที่จะขุดลอกให้ลึกลงไปอีกสัก 1 เมตร น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้มากกว่านี้ ในส่วนเรื่องของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีโครงการพัฒนาพื้นที่อยู่แล้วขอให้เร่งพัฒนาโครงการให้ได้โดยเร็วเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนชาวกาญจนบุรี
ทั้งนี้ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา เชิงวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวนวัตกรรมใหม่ๆ ที่โดดเด่นที่เชื่อมโยงเป็นเส้นทาง การท่องเที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรี เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว Sky Walk โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี พิพิธภัณฑ์สงคราม วัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง หรือวัดใต้ วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง หรือวัดเหนือ เป็นต้น
จังหวัดกาญจนบุรีมีเส้นทางการคมนาคมทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ กาญจนบุรี ทาให้การเดินทางจากกรุงเทพฯ มาจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลาเพียง 45 นาที ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจานวนมาก
แต่ปัจจุบันพบว่าชุมชนเมืองกาญจนบุรี ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี และชุมชนในเขตเทศบาลเมืองปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี ประสบปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนเป็นประจำเกือบทุกปี บริเวณแนวถนนแสงชูโต ถนนพัฒนากาญจน์ ทางรถไฟ และถนนเลี่ยงเมืองกาญจนบุรี เนื่องจากไม่มีระบบระบายน้ำที่สามารถรองรับปริมาณน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนเชื่อมหลักในเมืองที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนประสบปัญหาการจราจรติดขัด และเกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนและที่พักอาศัย ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนรวมกว่า 5,000 ครัวเรือน ประชากร 17,000 คน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดกาญจนบุรี ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอย่างมาก จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน
นายพรรณรบ เตชะมงคลาภิวัฒน์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า สำหรับชุมชนเมืองกาญจนบุรีในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี และชุมชนต่อเนื่องในเขตเทศบาลเมืองปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันพื้นที่ชุมชนเมืองกาญจนบุรีประสบปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนเป็นประจำเกือบทุกปี โดยพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากได้แก่ พื้นที่ตามแนวถนนแสงชูโต ถนนพัฒนากาญจน์ ทางรถไฟ และถนนเลี่ยงเมือง
โดยสาเหตุของน้ำท่วมเกิดจากปริมาณน้ำหลากที่ไหลมาจากเขาพัง เขาใหญ่ และเขาหัวล้าน ทางด้านทิศเหนือของพื้นที่ ซึ่งปริมาณน้ำหลากดังกล่าวบางส่วนมีแนวการระบายน้ำไปลงแม่น้ำแควใหญ่ทางทิศใต้ โดยแนวการระบายน้ำไปลงแม่น้ำแควใหญ่ตัดผ่านตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ไม่มีทางระบายน้ำสายหลัก และมีทางรถไฟและถนนแสงชูโตขวางแนวการระบายน้ำตามธรรมชาติ จึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังตามแนวถนนแสงชูโต และถนนพัฒนากาญจน์ ซึ่งมีแนวเลียบทางรถไฟตลอดแนว สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนและของรัฐเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ของจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอย่างมาก
จากปัญหาน้ำท่วมดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง จึงได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองกาญจนบุรีในปี 2564 ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่งผลการศึกษาในโครงการดังกล่าว ได้เสนอโครงการย่อยเพื่อแก้ไขบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่ชุมชนเมืองกาญจนบุรีอย่างเป็นระบบ โดยแนวคิดหลักในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมประกอบด้วย การก่อสร้างท่อระบายน้ำสายหลักเพื่อระบายน้ำไปลงแม่น้ำแควใหญ่ การปรับปรุงอาคารระบายน้ำหลัก โดยโครงการที่เสนอแนะดำเนินการในพื้นที่รับผิดชอบของหลายหน่วยงาน เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมทางหลวง การรถไฟแห่งประทศไทย และกรมชลประทาน เป็นต้น
ข้อเสนอเพื่อขอรับการสนับสนุน กรมโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนตามผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี แบ่งเป็น 3 ระยะ งบประมาณ ดังนี้ ระยะที่ 1 งบประมาณ 200 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567-2569 (งบผูกพัน 3 ปี) งานระบายน้ำบ้านหัวหน้าล่าง ระยะที่ 2 งบประมาณ 180 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568-2570 (งบผูกพัน 3 ปี) งานระบายน้ำบริเวณโค้งทางรถไฟ และระยะที่ 3 งบประมาณ 250 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2569-2571 (งบผูกพัน 3 ปี) งานระบบระบายน้ำบ้านเขาใหญ่-บ้านเขาพุรางนิมิต
หากจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี จะต้องดำเนินการโครงการระบบสูบน้ำทุ่งท่าล้อ ใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมชลประทาน กรมทางหลวง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กลอง สำนักงานชลประทานที่ 13 ซึ่งหากสามารถดำเนินโครงการได้จะทำให้น้ำท่วมขังบริเวณถนนเลี่ยงเมือง (ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน-ท่าล้อ) สามารถระบายน้ำเข้าสู่แม่น้ำแม่กลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หนุนกระตุ้นการค้าชายแดน พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยกล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ และยังมีพรมแดนติดกับประเทศพม่า โดยเฉพาะอำเภอสังขละบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลักดันให้เกิดเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ ทั้งการค้าการลงทุน การขนส่งนำเข้าและส่งออกสินค้า และการท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์วิถีชาวมอญ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงมาตรการด้านความมั่นคงชายแดน และแรงงานข้ามชาติด้วย โดยท่านนายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เพิ่มศักยภาพพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรีให้มีความพร้อม สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประเทศ
ขณะที่นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 1 กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณท่านอนันต์ สิริพฤกษา โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ที่เข้าใจว่าปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากไม่สมควรรออีกต่อไปแล้ว ขอบคุณนายพนม โพธิ์แก้ว ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 ที่ช่วยกันผลักดัน ถ้าเราไม่เริ่มตอนนี้ ปัญหาของประชาชนก็ไม่ได้รับการแก้ไขสักที แล้วเรา จะเป็นผู้แทนของชาวบ้านไปทำไมกัน งบประมาณปี 67-68-69 จะต้องถูกนำมาแก้ปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากให้พี่น้องชาวกาญจนบุรีได้อย่างเต็มรูปแบบต่อไป
ล่าสุดเวลา 10.30 น.คณะนายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางไปตรวจเยี่ยมอุตสาหกรรมโคนม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่มีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าของ