พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจกรุงเก่าบุกทลายเครือข่าย “จิ๊บไผ่เขียว” ยึดยาบ้า 4.52 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 25 กก. ยาเค 1 กก. เผยเจ้าตัวยังซุกอยู่ประเทศเพื่อบ้าน พบเปลี่ยนวิธีการเก็บยาใช้ฝากยาตามเครือข่ายก่อนกระจายเข้าพื้นที่ชั้นใน
เย็นวันนี้ (28 มิ.ย.) พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ปฏิบัติการโดย กก.ปพ.บก.ส.ภ. ร่วมกับชุดขยายผล ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมแถลงข่าวปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการยาเสพติดเครือข่าย “จิ๊บ ไผ่เขียว”
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่มีการรับยาเสพติดจากเครือข่ายยาเสพติดของ "จิ๊บ ไผ่เขียว" ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระทั่งสืบทราบว่า มีการนำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จึงได้นำกำลังเข้าทำการตรวจค้นคอกเลี้ยงวัว ไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยสามารถจับกุมตัว นายบอล อายุ 26 ปี ชาวอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 710,000 เม็ด ถูกฝังดินซุกซ่อนอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผล จากการจับกุมผู้ต้องหาในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี พบว่า ในช่วงประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2567 ได้มีการไปรับยาเสพติดจากพื้นที่ คลอง 9 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม จนกระทั่งทราบว่า มีการเก็บยาเสพติดไว้ที่ทาวน์เฮาส์ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์หลังดังกล่าว ผลการตรวจค้น พบ นายวัลลภ หรือเป้ และนาย เอกชัย หรือเข้ม อยู่ภายในบ้าน ตรวจค้นในบ้านพบยาบ้า จำนวน 2,058,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 25 กิโลกรัม อยู่ภายในบ้าน อีกทั้งยังพบยาบ้าอีกจำนวน 570,000 เม็ด ที่เตรียมนำไปส่งให้ลูกค้าอยู่ท้ายรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในบ้าน
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่ายังซุกซ่อนยาบ้าอยู่ภายในบ้าน ในพื้นที่คลอง 10 ม.3 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบยาบ้าอีกจำนวน 1,190,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมยาเสพติดของกลางมาควบคุมไว้ที่ ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อทำการสืบสวนขยายผล จากการขยายผลผู้ต้องหาให้การว่า ยังมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ที่บ้านเช่าภายใน ซ.ลาดพร้าว 87 จึงได้มีการประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล เข้าทำการตรวจคันบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจคันพบยาบ้า จำนวน 690,00 เม็ด จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนพิสูจน์ทราบหาผู้ร่วมกระทำความผิดในเครือข่ายเพิ่มเติมเพื่อขยายผลกวาดล้างทั้งขบวนการ
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการเปิดยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย สกัดกั้นของการลำเลียงยาเสพติด ซึ่งมีการเปิดยุทธการโดยท่านนายกรัฐมนตรี ท่านยังได้ติดตามผลการปฏิบัติด้วยตนเอง วันนี้ตนในนามของตำรวจภูธรภาค 1 ต้องขอชมเชยในการปฏิบัติของตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้บูรณาการกำลังขยายผลโดยเฉพาะในส่วนของเครือข่ายจิ๊บ ไผ่เขียว ซึ่งเครือข่ายนี้สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนยาวนานพอสมควร สังคมจะคุ้นเคยกับเครือข่ายจิ๊บ ไผ่เขียว แม้เจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ในประเทศก็ตาม แต่มีการสั่งยาเสพติดให้เครือข่ายลำเลียงเข้ามาพักยา ส่งยาไปยังผู้ค้ารายย่อยต่างๆ
อยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือใครมีเบาะแส สามารถแจ้งมาได้ที่ 191 หรือ 1599 หรือในส่วนของ ป.ป.ส.1386 จะเป็นข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปราบปราม ทั้งนี้เพื่อที่จะไม่ให้พี่น้องประชาชน เยาวชนไปเสพยาเสพติดได้
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตอนนี้ จิ๊บ ไผ่เขียว หนีประกัน และยังมาทราบทีหลังว่าเป็นตัวการใหญ่เก็บยา กระจายยาในพื้นที่ ภาคกลาง ซึ่งตอนนี้ในทีมของจิ๊บ ไผ่เขียว ยังมีตัวการใหญ่ร่วมอยู่อีกที่ยังจับไม่ได้ ซึ่งเขาอาจจะไปตั้งทีมใหม่ หรือหลบหนีออกนอกประเทศ
โดยจะมีการสั่งการจากนอกประเทศ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ซึ่งคนที่โดนจับส่วนใหญ่คือคนที่ทำงาน ไม่ว่าจะตัวเก็บยา ตัวกระจายยา พอทีมนี้โดนจับก็สั่งทีมใหม่ ซึ่งครั้งนี้ที่จับกุมพบว่าค่าจ้างเก็บไม่กี่บาท ตกก้อนละ 350 บาท 200,000 เม็ด จะอยู่ที่ 35,000 บาท แต่ยังมีกลุ่มอื่นๆ อีก แต่อันนี้คือกระบวนการของ จิ๊บ ไผ่เขียว โดยเฉพาะ ซึ่งทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับเขาเราะจะทำการขยายผลทั้งหมด รวมถึงแก๊งอื่นๆ มีทั้งรายใหญ่ รายเล็ก เรามีการขยายผลตลอดทุกวัน ตามนโยบายของรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาในการกำจัดเครือข่ายที่ร่วมกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ซึ่งตอนนี้มีการเปลี่ยนวิธีการ ยาเสพติดสมัยก่อนจะซ่อนมิดชิดมาก แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนที่ซ่อนแบบไม่กลัวตำรวจ อย่างเช่นกรณีนี้มีการขยายผลไปจับในใจกลางกรุงเทพมหานคร ย้ายมาปทุมธานี สุพรรณบุรี ซึ่งไม่ใช่มีแค่สายเดียวอาจมีหลายสิบสายเข้ามาหลายร้อยล้านเม็ด คนโดนจับก็โดนจับไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการขยายผลจับกุม คุมเข้มทุกพื้นที่เพื่อกำจัดเส้นทางและขบวนการยาเสพติดในทุกพื้นที่ให้หมดไป
