เชียงใหม่ - สาวนักท่องเที่ยวโพสต์ตำหนิหนักพ่อค้าโรตีรถเร่บนลานประตูท่าแพ หลังตั้งใจจะอุดหนุน แต่เห็นกำลังลุกจากพื้นแล้วเอามือปัดก้นเตรียมพร้อมขาย จึงทักท้วงขอให้ล้างมือแต่กลับถูกไล่ไปกินร้านอื่นอย่างหยาบคาย ขณะที่โลกโซเชียลแห่แชร์และแสดงความคิดเห็นถล่มยับพ่อค้าโรตี พร้อมขอโทษแทนคนเชียงใหม่ ด้านพ่อค้าโรตีแจงไม่ได้ด่าและหยาบคาย แต่ยอมรับเป็นคนเสียงดังและพูดห้วน ยืนยันทำสะอาดถูกสุขอนามัย และยินดีให้ตรวจสอบ
วันนี้ (22 มิ.ย. 67) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Samma Noo Hester" ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่โพสต์บอกเล่าประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจระหว่างเที่ยวเชียงใหม่ ในขณะที่อุ้มลูกเดินเล่นอยู่บริเวณลานประตูท่าแพ แลนด์มาร์กสำคัญของเชียงใหม่ แล้วเห็นร้านขายโรตี จึงตั้งใจจะซื้อกิน แต่ปรากฏว่าเห็นพ่อค้าที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่กับพื้นแล้วลุกขึ้นมาพร้อมกับใช้มือปัดก้นเตรียมที่จะทำโรตีทันทีโดยไม่ได้ล้างทำความสะอาดจึงได้ทักท้วง แต่ปรากฏว่าทางพ่อค้ากลับมีอารมณ์โกรธพร้อมไล่ให้ไปซื้อร้านอื่นด้วยคำพูดและท่าทีที่หยาบคาย ซึ่งทำให้ผู้โพสต์เสียความรู้สึกเป็นอย่างมากกับพฤติกรรมของพ่อค้าขายโรตีรายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณลานประตูท่าแพ ที่ถือได้ว่าเป็นจุดสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนเป็นประจำ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต่างตำหนิการกระทำของพ่อค้าโรตีและขอโทษแทนคนเชียงใหม่ที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น พร้อมแนะนำร้านโรตียอดนิยมให้ นอกจากนี้มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่าปกติแล้วพื้นที่บริเวณลานประตูท่าแพนั้นไม่มีการอนุญาตให้ตั้งร้านจำหน่ายสินค้าใดๆ ทั้งสิ้น และให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขัน
สำหรับโพสต์ดังกล่าวระบุว่า "เมื่อถึงเชียงใหม่ก็ไม่ประทับใจเลย อุ้มลูกเดินเล่นตรงประตูท่าแพ เจอร้านขายโรตีซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมากๆ เลยเดินเข้าไปแต่พ่อค้านอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงพื้นแถวนั้น พอเห็นเดินไปหน้าร้านก็รีบลุกขึ้น วางโทรศัพท์ลง แล้วเอามือปัดๆ ที่ก้น ยืนเตรียมทำท่าจะทำโรตี เราเลยถามไปว่า
เรา: ก่อนทำจะล้างมือก่อนมั้ยคะ
พ่อค้า: (หัวเราะ) ไม่ล้าง เชิญป้ายหน้าเลย ไม่ขาย
เรา: โอเคค่ะ แค่ถามดูไม่ล้างก็ไม่ซื้อค่ะ (แล้วเราก็เดินออกไป) พอออกไปได้ 2-3 ก้าวพ่อค้าตะโกนเสียงดังว่าเรื่องมากก็ไม่ต้องแ..ก จะให้ล้างมือก็ไม่ต้องแ..ก
พอเราได้ยินก็เลยสวนไป นี่ก็ไม่แ..กแล้วไง มันก็เสแสร้งกลับมาว่ากูพูดกับเมียกูมึงร้อนตัวทำไม แล้วก็ตะโกนด่าเราไม่หยุดบอกเลยว่ามารยาททรามมาก ร้านอยู่หน้าประตูท่าแพแทนที่จะเป็นหน้าตาให้เชียงใหม่แต่พูดกับนักท่องเที่ยวได้แย่มาก
คือถ้ายืนทำอยู่แล้ว แล้วเราไปต่อแถวซื้อจะไม่ว่าไม่ถามอะไรเลย แต่นี่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงพื้น ไม่อยากต่อความยาวเพราะอุ้มลูกอยู่ พร้อมพี่เรณ่าสามีก็ไม่อยู่เพราะเดินไปเอาของไม่งั้นอาจจะเรื่องใหญ่กว่านี้ เลยเดินออกไม่อยากเสียสุขภาพจิต แต่บังเอิญว่าน้องสาวแท้ๆ ที่ไปด้วยยืนอยู่ตรงนั้นได้ยินเสียงพ่อค้าตะโกนด่าแต่ไม่รู้ว่าด่าพี่สาวตัวเองเพราะเดินคนละฝั่ง พอโทร.คุยกันถึงรู้ เลยถ่ายรูปร้านมาให้เพื่อแจ้งให้ทราบว่าสถานที่ที่เป็นจุดเช็กอินของเชียงใหม่ไม่ควรมีคนพฤติกรรมแบบนี้ ขอให้ไม่ประทับใจเรื่องนี้เรื่องเดียวละกันนะทริปนี้"
ขณะที่จากการลงพื้นที่บริเวณประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงเย็นวันนี้ (22 มิ.ย. 67) พบนายนัท (นามสมมติ) อายุ 29 ปี พ่อค้าโรตีตามโพสต์ดังกล่าว ซึ่งได้นำไปดูรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่ใช้เปิดเป็นร้านขายโรตีและอุปกรณ์การขาย โดยยืนยันว่ามีความสะอาดและยินดีให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ พร้อมทั้งเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงคืนที่ผ่านมา โดยระหว่างที่ตัวเองกับภรรยาที่ตั้งท้อง 3 เดือน กำลังนั่งอยู่บนเตียงพับเพื่อรอลูกค้า ทางนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้เข้ามาและตัวเองกำลังลุกขึ้นเพื่อเตรียมทำโรตี แต่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้พูดว่า “ไปล้างมือก่อนไหม” คล้ายพูดจาดูถูกว่าร้านตัวเองสกปรก จึงเกิดความโมโห และบอกกลับไปว่าให้ไปกินร้านอื่น จากนั้นตัวเองได้หันไปพูดคุยกับภรรยา ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินออกไปแล้วได้ตะโกนด่ากลับมา ซึ่งตัวเองจับใจความไม่ได้
กระทั่งเช้าวันนี้พบว่ามีการนำเรื่องราวไปโพสต์ในโลกออนไลน์ และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อตัวเองอย่างหนัก ทั้งที่เป็นการฟังความข้างเดียว รวมทั้งดูถูกเหยียดหยามและกล่าวหาว่าตัวเองและภรรยาเป็นคนต่างด้าวด้วย ซึ่งยืนยันว่าตัวเองและภรรยาเป็นคนไทย เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ยึดอาชีพขายโรตีมานานหลายปีแล้ว พร้อมขอยืนยันว่าใส่ใจดูแลเรื่องความสะอาดเป็นอย่างดี และล้างมือก่อนทุกครั้ง ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นตามโพสต์นั้นตัวเองยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรเลย แต่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ซึ่งด้วยการที่ตัวเองเป็นคนพูดจาเสียงดังและพูดห้วนๆ อาจจะทำให้ผู้โพสต์รู้สึกไม่พอใจและต้องขอโทษด้วย ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตัวเองและครอบครัวอย่างมาก ซึ่งรู้สึกเสียใจเพราะไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด