บุรีรัมย์ - ส.ป.ก.บุรีรัมย์ ร่วมศูนย์ดำรงธรรม อ.บ้านกรวด และ ตร.ลุยตรวจแปลงที่ดินและสอบข้อเท็จจริงปมชาวบ้านหลายรายร้องเรียนถูกอดีต ผอ.ร.ร. ฮุบที่ทำกิน ส.ป.ก.เกือบ 20 ปี รวมกว่า 100 ไร่ บางรายเครียดเส้นเลือดสมองตีบป่วยติดเตียง นิติกรชี้ ส.ป.ก.เป็นที่ดินของรัฐไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ จ่อเอาผิดผู้ที่ถือครองไม่ถูกต้อง
วันนี้ (13 มิ.ย. 67) นายประเสริฐ กาญจนเกียรติกุล ปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ นายชยพล เพชรหนองชุม นิติกรชำนาญการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านกรวด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไม้งาม ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงที่ดินที่มีการร้องเรียนและสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้ร้อง
หลังชาวบ้านหลายรายในพื้นที่ตำบลหนองไม้งาม อ.บ้านกรวด ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือ ว่าถูกอดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งฮุบที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่ชาวบ้านได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์มานานเกือบ 20 ปี รวมกว่า 100 ไร่ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตัวเองได้ โดยชาวบ้านระบุว่าสาเหตุที่ถูกอดีต ผอ.โรงเรียนยึดที่ดินไปทำประโยชน์ส่วนตัวสืบเนื่องจากไปหยิบยืมเงินอดีต ผอ.คนดังกล่าวแล้วหาเงินไปจ่ายหนี้คืนล่าช้า
บางรายหาเงินได้พยายามจะไปใช้หนี้เพื่อต้องการที่ดินคืน แต่กลับถูกอดีต ผอ.เรียกคืนในยอดที่สูงจากจำนวนเงินที่ยืมหลายเท่าตัว อย่างเช่นยืมมา 45,000 บาท แต่ให้จ่ายคืน 400,000 บาท บางรายยืม 100,000 บาท ทยอยจ่ายคืนไปแล้วทั้งต้นและดอกเบี้ย 500,000 บาท แต่เขาบอกว่ายังจ่ายไม่ครบ หากอยากได้ที่ดินคืนต้องจ่ายในราคา 2 ล้านบาท จนชาวบ้านบางคนเกิดความเครียดเส้นเลือดสมองตีบกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
นายชยพล เพชรหนองชุม นิติกรชำนาญการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากปฏิรูปที่ดินจังหวัดฯ ให้ร่วมกับอำเภอ และตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการร้องเรียนว่าถูกบุคคลอื่นยึดที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นที่ ส.ป.ก.ที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ การลงพื้นที่ก็ได้ตรวจสอบทั้งสถานะแปลงที่ดินว่าปัจจุบันทำอะไร ใครเป็นคนทำ เพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าผู้ร้องบางรายมีหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในที่ดินถูกต้อง บางรายอยู่ระหว่างการรอหนังสือ แต่ที่ดินดังกล่าวได้ไปอยู่ในมือของบุคคลอื่นเข้าทำประโยชน์ สาเหตุที่ถูกยึดที่ดินก็เกิดจากการกู้ยืมเงินกัน หลังจากได้ข้อมูลแล้วทาง ส.ป.ก.และอำเภอก็จะเรียกให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเข้าทำประโยชน์ในที่ดินชาวบ้านมาสอบถามว่าจะมีคำอธิบายหรือข้อโต้แย้งอย่างไร ก็ให้สิทธิทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะแจ้งระเบียบของ ส.ป.ก.ให้ทั้งสองฝ่ายได้รับทราบด้วย
อย่างไรก็ตาม ระเบียบที่ดิน ส.ป.ก.ถือเป็นที่ดินของรัฐไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ผู้ที่มีสิทธิเข้าทำประโยชน์ต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปยึดทำประโยชน์ก็ถือว่าผิดระเบียบ ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง ส่วนกรณีนี้ต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงและให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ด้าน นายพิชิด ประกอบมิตร หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกฮุบที่ บอกว่า ได้ถูกอดีต ผอ.ร.ร. ยึดที่ทำกินไป 2 แปลง ซึ่งเป็นชื่อของพ่อที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ เป็นแปลง 9 ไร่ 3 งาน และแปลง 8 ไร่ 3 งาน รวมเป็น 18 ไร่ แต่ถูกอดีต ผอ.ยึดทำประโยชน์ตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบันกว่า 20 ปีแล้ว เนื่องจากพ่อไปยืมเงินเขา 100,000 บาท ก็ทยอยใช้หนี้ไปเรื่อยรวมเป็น 500,000 บาท แต่เขาก็ไม่ยอมคืนที่ให้ บอกว่ายังจ่ายไม่ครบ ถ้าอยากได้คืนต้องจ่าย 2 ล้านบาท ทำให้พ่อเกิดความเครียดสะสมมาตลอดเพราะอยากได้ที่ดินคืนมาให้ลูกหลานทำกิน แต่พอไม่ได้ก็ล้มป่วยเส้นเลือดสมองตีบกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเอาที่ดินกลับคืนให้กับครอบครัวไว้ทำกินต่อไป