เลย - ตำรวจเหยื่อโกงเงินสหกรณ์เลย ร้องสื่อ! ชีวิตสุดรันทด หลังเกษียณเงินเดือนถูกหักใช้หนี้หมด ต้องขอข้าววัดกิน รับจ้างตัดหญ้าเลี้ยงชีวิต บางรายฆ่าตัวตาย บางรายกลายเป็นโจรปล้นทอง เผยคดีไม่คืบหน้าอีกแค่ 3 ปีคดีจะหมดอายุความแล้ว วอนนายกรัฐมนตรี และผบ.ตร.ช่วยเหยื่อตำรวจชั้นผู้น้อยด้วย
จากเหตุการณ์ฉาวโฉ่โกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเลย เมื่อปี 2560 เมื่อครั้ง พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต ผบก.ภ.จ.เลย ถูกกล่าวหาทุจริตโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย มีผู้เสียหายเป็นตำรวจ 192 นาย มูลค่าความเสียหาย 229 ล้านบาท โดย พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ถูกให้ออกจากราชการ ต่อมากลับเข้ารับราชการในตำแหน่ง ผบช.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และได้เกษียณราชการในตำแหน่งนี้ ขณะเดียวกันคดีความยังไม่คืบหน้า ยังไม่มีการฟ้องร้อง เหลืออีก 3 ปีคดีจะหมดอายุความ
ล่าสุดตัวแทนข้าราชการตำรวจเกษียณราชการกว่า 10 นาย ได้ยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงความเดือดร้อน และไม่ได้รับการดูแลเรื่องคดีความ ยังไม่มีการฟ้องร้องต่อศาล คดีความคงเหลืออีก 3 ปี จะหมดอายุความ ตำรวจเหยื่อการบริหารหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยนับ 100 นายต้องทนทุกข์ บางรายถูกยึดบ้านยึดที่ดิน ครอบครัวแตกแยก ลูกไม่ได้เรียนหนังสือ บางรายไม่มีจะกินต้องขอข้าววัดประทังชีวิต รับตัดหญ้าพร้อมรับจ้างทั่วไป ชีวิตหลังเกษียณ สิ้นเดือนเงินเหลือไม่ถึง 1,000 บาท
ร.ต.อ.ใหม่ มโหรี เหยื่อถูกโกงเงินสหกรณ์ตำรวจเลย เปิดเผยว่า ตนเป็นตำรวจเกษียณราชการแล้ว ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ ที่มี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย เป็นผู้บริหารโครงการ ได้ให้พวกตนกู้ยืมเงิน และมอบให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ไปบริหาร จนเป็นเหตุให้พวกตนเป็นหนี้สินสหกรณ์ ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ ข้าราชการตำรวจบางนายเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต ทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้ภรรยาและลูก
บางนายที่เกษียณไปแล้ว แทนที่จะได้ใช้เงินบำนาญเลี้ยงดูตัวเอง และครอบครัว กลับกลายเป็นเงินเดือนติดลบต้องหาเงินมาใช้หนี้เพิ่ม และที่ยังรับราชการอยู่นั้น เงินเดือนเหลือรับไม่กี่ร้อยกี่พันบาท คดีความตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ระยะเวลาผ่านไป 7 ปีมาแล้ว คดีนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องต่อศาลแต่อย่างใด ซึ่งคดีมีอายุความ 10 ปี มูลค่าความเสียหาย 229 ล้านบาท ผู้เสียหายเป็นตำรวจ 192 นาย
ด้าน ด.ต.ธงชัย พรหมเสนา เหยื่ออีกราย กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนได้รับความเดือดร้อน เงินเดือนถูกหักเหลือไม่ถึง 1,000 บาท ทุกวันต้องไปหารับจ้างทั่วไป เช่นรับตัดหญ้า เอาแรงกายเข้าแลก เพื่อเอาเงินมาเยียวยาครอบครัว ตำรวจหลายนายที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับโครงการบริหารหนี้ส่วนใหญ่เงินเดือนไม่เหลือ ต้องแบกภาระหนี้สิน แม้แต่จะส่งลูกเรียนก็ไม่มี ลูกจะเรียนก็ไม่สามารถส่งลูกเรียนได้ บางคนไม่ได้กู้แต่ก็ติดเป็นคนค้ำประกัน บางคนครอบครัวแตกแยก
อย่างตนไปค้ำประกันให้เพื่อน เขาก็ไม่มีเงิน ภาระต้องตกอยู่กับตน วันนี้บ้านก็ถูกยึดไปแล้ว กองบังคับคดีกำลังประกาศขาย บางคนต้องไปขอข้าววัดกิน เงินเดือนไม่เหลือ ลูกเมียก็ทิ้งเดือดร้อนมาก เพื่อนแต่งตัวตำรวจแต่ในกระเป๋าไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียวก็มี ตนเป็นตำรวจทำงานให้กับประเทศชาติไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 2 ครั้ง วันนี้รู้สึกเสียใจน้อยใจทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ต้องทำกับผู้น้อยอย่างนี้ ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น
ทิ้งให้ตำรวจชั้นผู้น้อยต้องแบกภาระหนี้สิน ให้ตกระกำลำบาก ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างตามยถากรรม จนเพื่อนบางคนคิดสั้นตามที่เป็นข่าว ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการนี้กลายเป็นคนติดหนี้สิน ไม่มีอะไรจะกิน คิดสั้นและอยากประชดนาย ต้องไปปล้นร้านทอง ตามที่เป็นข่าว
ส่วนนางอานัญญา สะดาแนน แม่บ้านตำรวจกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนขอเป็นตัวแทนแม่บ้านตำรวจจังหวัดเลย ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในการบริหารหนี้ของผู้การสุทิพย์ เรื่องอัดอั้นตันใจที่กำลังประสบปัญหา 1. สามีได้เสียชีวิตลงเนื่องจากเครียดกับโครงการนี้ 2. ตำรวจที่ชื่อน้องโจ้ ที่ต้องกลายเป็นโจรปล้นร้านทอง 3. ครอบครัวไม่มีจะกิน แม้จะส่งลูกไปเรียนก็ไม่มีปัญญา อย่างพ่อบ้านของตนเป็นตำรวจมาตั้งแต่ พ.ศ. 2522 เป็นสมาชิกสหกรณ์ตำรวจถูกหักเงินเดือนทุกเดือน
“หวังว่าเกษียณราชการแล้วจะมีเงินเหลือใช้ยามแก่เฒ่า พอถึงวัยเกษียณแทนที่จะได้เงินต้องถูกหักเงินเพื่อมาใช้หนี้สหกรณ์ วันนี้จะกินก็ไม่มี แม่บ้านเอราวัณต้องออกไปเดินขายลอตเตอรี่มาเลี้ยงครอบครัว หรือบางคนหาเก็บของเก่าขาย ถามว่าพวกเราเดือดร้อนมั้ย ยอมรับเดือดร้อนมาก จึงอยากจะวิงวอนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ อยากให้ท่านลงมามองพวกตนหน่อย ชีวิตตำรวจที่จังหวัดเลยเป็นอย่างไร เคยกินมั้ยไข่ต้มฟองเดียวขยำข้าวให้ลูกกิน พร้อมกันทั้งครอบครัว” นางอานัญญากล่าวในที่สุด