xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) พี่น้องสองสาวกำแพงเพชรเข่าแทบทรุด! โดนแก๊งคอลฯ หลอกซับหลอกซ้อนหลงโอนเงินเกลี้ยงบัญชีเกือบ 8 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กำแพงเพชร - พี่น้องสองสาวแทบทรุด โร่ร้องสื่อฯ-ทีมงาน ส.ส.กำแพงเพชร..โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็น พนง.เครือข่ายโทรศัพท์-ตำรวจเมืองขอนแก่น ขุดหลุมพรางล่อมีทั้งยัดข้อหา-ปลอมหมายศาล หลอกซับหลอกซ้อน จนหลงโอนเงินเกลี้ยงบัญชีรวมยอดเกือบ 8 ล้าน แถมมีโทร.ลวงต่อหน้า ตร.ซ้ำ


วันนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวกุ๊ง อายุ 35 ปี พร้อมด้วยนางสาวกิ๊ง อายุ 34 ปี สองพี่น้องชาวตำบลนครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร ได้เข้าร้องเรียนสื่อฯ และทีมงาน ส.ส.ไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำแพงเพชร เขต 1 หลังโดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงินไปพร้อมกัน พี่สาวสูญเงินไป 7 ล้านบาท น้องสาวสูญเงินไปกว่า 6 แสนบาท

นางสาวกิ๊ง น้องสาว เล่าว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 มีโทรศัพท์โทร.เข้ามาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่โทรศัพท์เครือข่ายหนึ่ง แจ้งกับตนว่ามีคนแอบอ้างนำบัตรประชาชนตนไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ และทำเรื่องเสียหาย แนะนำให้ตนไปแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น ตนจึงบอกไปว่าไม่สะดวกไป เพราะอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร

จากนั้นได้มีการโอนสายไปอีกคน ปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งให้ตนแอดไลน์ และมีการขอเลขบัตรประชาชนเพื่อไปเช็กประวัติ ก่อนจะหลอกว่าเรามีส่วนพัวพันกับการฟอกเงิน และให้ดูรูปภาพที่อ้างว่าเป็นคนร้าย พร้อมส่งบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งมีชื่อตนเป็นเจ้าของบัญชีพร้อมแนบหมายศาลมีชื่อตนเป็นจำเลย ก่อนจะให้ตนโอนเงินไปตรวจสอบผ่าน ปปง. อ้างว่าจะคืนภายใน 20 นาที โดยตนโอนเงินไปจำนวน 5 แสนบาท จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ทำให้ตนรู้ได้ว่าถูกหลอกจึงนำเรื่องพร้อมหลักฐานไปแจ้งความยังสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร


ขณะที่นางสาวกุ๊ง อายุ 35 ปี พี่สาว เล่าว่าตนทราบเรื่องที่น้องสาวโดนโกงก็สงสารและอยากจะหาเงินมาช่วยน้อง จึงเข้าไปในแอปฯ สินเชื่อออนไลน์ กรุงศรีไอฟิน เพื่อที่จะกู้เงิน 1 ล้านบาท ไปให้น้องสาวและแม่ เนื่องจากแม่ได้นำเงินไปช่วยน้อง ตนรออยู่ประมาณ 2 วัน ทางแอปฯ ติดต่อมาว่า..เงินคุณอนุมัติผ่านแล้ว ให้เข้าลิงก์กระเป๋าตังค์เพื่อนำเงิน 1 ล้านบาทออกมา

แต่พอเรากดเงินออกมาไม่ได้ ทางมิจฉาชีพก็ให้ตนเข้าไปดูเลขบัญชี ว่าเลขบัญชีที่ให้ไปผิดหรือไม่ เมื่อตนดูพบว่าเลขบัญชีผิดไป 1 ตัว จากนั้นมิจฉาชีพให้ตนโอนเงินเพื่อเข้าไปปลดล็อก ทั้งหมด 21 ครั้ง เริ่มต้นครั้งละแสนสองแสนขึ้นไป จนยอดสูงสุด 1 ล้านบาท รวมทั้งหมดเป็นเงิน 7,341,224 บาท

จนกระทั่งเงินหมดบัญชีแล้วไม่มีจะโอนได้อีกต่อไป ตนจึงโทร.กลับไปหาเลขหมายคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อสอบถามในกรณีดังกล่าว ทางธนาคารจึงให้ข้อมูลว่าทางธนาคารไม่ได้มีนโยบายหรือข้อเสนอดังกล่าว จึงเร่งระงับบัญชีให้กับตน จากนั้นได้แนะนำให้ตนนำเรื่องดังกล่าวพร้อมหลักฐานไปแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชรพร้อมกันกับน้องสาว


โดยทั้งสองคนรู้สึกเสียใจ เสียดาย เสียความรู้สึก ที่เงินเก็บของตัวเอง รวมทั้งเงินของแม่ ที่โอนมาช่วยลูกเพราะกลัวว่าลูกจะเดือดร้อน ที่สำคัญเงินส่วนใหญ่เป็นเงินที่ลูกค้าจ่ายมาเพื่อซื้อสินค้า ก็ต้องสูญเสียไปด้วย จึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและอยากได้เงินมาคืนให้กับแม่และลูกค้าที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะตนไปด้วย รวมทั้งผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากลูกค้าต้องเกิดความไม่เชื่อใจตน โดยตนต้องนำโฉนดที่ดินและทรัพย์สินต่างๆ ที่มีมูลค่าไปเป็นประกันให้กับลูกค้าเพื่อทำธุรกิจกับตนต่อไป ซึ่งลูกค้าก็เห็นใจและให้โอกาสตน

ทั้งนี้ ขณะที่ทั้งสองพี่น้องได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวอยู่นั้น ผู้เสียหายทั้งสองพยายามทดลองแชตไลน์ไปหามิจฉาชีพ ซึ่งมีการอ่านข้อความแต่ไม่มีการตอบกลับ จากนั้นจึงพยายามโทร.ไปหาแต่ไม่มีการรับสาย แต่มิจฉาชีพได้โทร.กลับมาและพยายามให้ผู้เสียหายนำเงิน 4 แสนบาทนำไปให้เพื่อทำการปลดล็อกอีกครั้ง จึงได้ทำการบันทึกไว้เป็นหลักฐานและเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร อีกครั้ง

เมื่อไปถึง สภ.เมืองกำแพงเพชร ผู้เสียหายได้เข้าพบ พ.ต.ท.สุวิช พิศอ่อน สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อนำหลักฐานเพิ่มเติมมอบให้ โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการให้ในทุกๆ ขั้นตอนแล้ว โดยแบ่งหน้าที่ในส่วนต่างๆ เพื่อติดตามคดีดังกล่าว หากผู้เสียหายมีหลักฐานเพิ่มเติมหรือความเคลื่อนไหวใดๆ ก็สามารถนำมามอบให้ได้


ระหว่างที่กำลังสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้เสียหายอยู่นั้น ปรากฏว่ามิจฉาชีพได้โทรศัพท์เข้ามาเพื่อทำการต่อรองให้นำเงิน 4 แสนบาทไปมอบให้เพื่อทำการปลดล็อก ผู้เสียหายอ้างว่าตนไม่สามารถโอนเงินได้แล้ว เพราะเงินในบัญชีถูกโอนไปจนหมดและเงินที่มีก็ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ เนื่องจากบัญชีถูกอายัดไว้ มีเพียงเงินสด โดยมิจฉาชีพได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินสดไปมอบให้ที่กรุงเทพมหานครในเช้าอีกวันโดยอ้างว่าหมดเวลาทำการแล้ว อ้างว่าจะพยายามช่วยผู้เสียหายให้ได้เงินคืนแน่นอน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้บันทึกหลักฐานต่างๆไว้เพื่อตรวจสอบหาตัวตนของกลุ่มมิจฉาชีพ เส้นทางการเงิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น