กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ ระดมคณะสัตวแพทย์เร่งหาแนวทางรักษาพังสร้อยทอง หลังตามรักษาอาการบวมที่แก้มนานกว่า 1 เดือน แต่ยังไมหาย
จากกรณีพระครูภาวนาสุทธาจารย์ (หลวงพ่อสาคร ธัมมาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดเวฬุวันวนาราม (วัดเวฬุวัน) ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายปฐม แหนกลาง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก พบช้างป่าทองผาภูมิเพศเมีย อายุประมาณ 15 ปี มีอาการป่วยลักษณะแก้มซ้ายบวมขนาดใหญ่ ทำให้กินอาหารได้อย่างยากลำบาก จึงแจ้งให้นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ทราบเมื่อวันที่ 2 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งช้างป่าตัวดังกล่าวนั้นมีลูกไม่ทราบเพศ อายุประมาณ 2 ปี คอยเดินคลอเคลียตามแม่ออกไปหากินไม่ห่างแม่
โดยนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และนายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการสุขภาพและคลินิกสัตว์ป่า นำโดยนายทนงศักดิ์ อิวบาง หัวหน้าฝ่ายจัดการสัตว์ป่า น.ส.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมเจ้าหน้าที่ทำการยิงยาปฏิชีวนะ และยาฆ่าเชื้อเข้าที่สะโพกหลังเพื่อทำการรักษา และเฝ้าติดตามอาการอย่างต่อเนื่องทุกวันมาจนถึงปัจจุบัน 37 วันแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น โดยนายปฐม แหนกลาง ได้เฝ้าติดตามอาการของช้างป่าตัวดังกล่าวทุกวัน โดย “กลุ่มรักษ์ช้างทองผาภูมิ” ได้ตั้งชื่อให้ช้างป่าตัวดังกล่าวว่า “พังสร้อยทอง”
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า จากการรักษาและเฝ้าติดตามดูอาการป่วยของพังสร้อยทองมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน พบว่าอาการบวมของแก้มลดลง มีลักษณะนิ่มขึ้นย้อยตัวลงใกล้คาง ไม่มีของเหลวเช่นหนอง หรือน้ำลายไหลออกจากปาก พฤติกรรมเริ่มมีความร่าเริง สนใจสิ่งแวดล้อม และสามารถกินอาหารจำพวกใบไม้ ใบไผ่ ใบกล้วย ต้นหญ้า และลูกส้านได้ แต่การรักษาไม่สามารถทำให้แก้มที่บวมหายกลับมาเป็นปกติได้
ดังนั้น ตนจึงทำหนังสือส่งไปถึง ผศ.น.สพ.ดร.คงศักดิ์ เที่ยงธรรม คณบดีคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ส่งทีมสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาร่วมวางแนวทางในการรักษาอาการป่วยของช้างป่าตัวดังกล่าวให้หายกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ปัจจุบันช้างป่าแม่ลูกออกหากินอยู่ที่แปลงปลูกป่าองค์การอุตสาหกรรมบ่าไม้ บ้านไร่ป้า ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
