เครือข่ายกัญชา ท้วง "หมอชลน่าน" ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ หลังถกร่าง พ.ร.บ.กัญชา ชี้ห้ามสันทนาการต่างจากร่างเดิม ล่วงล้ำสูบพื้นที่ส่วนตัว ซ้ำตัดปลูกใช้เองในครัวเรือน แถมโทษสูง หวั่นคนหันปลูกใต้ดิน รมว.สธ.แจงเน้นใช้การแพทย์ สุขภาพ ต้องควบคุม รับต่างจากฉบับเดิม
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า เครือข่ายฯ ได้เข้าร่วมเวทีสาธารณะที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้ารับฟังเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตนขอเรียนว่า ประเด็นแรกของร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับดังกล่าว ไม่สามารถชี้ทิศทางกัญชาไทย ว่าจะไปในลักษณะไหน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบทกำกับ บทลงโทษ และการกำกับบทลงโทษนี้ไม่ตั้งอยู่ในข้อเท็จจริง เช่น การสันทนาการ ที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับเดิม โฟกัสเรื่องเดียวคือ การสูบที่ก่อผลกระทบต่อผู้อื่น จึงระบุว่าห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะ จึงเป็นการไม่ล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว
“แต่ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับใหม่ ระบุว่าห้ามใช้ในทางสันทนาการ แต่ไม่มีการระบุถึงเรื่องนิยามการใช้เพื่อสันทนาการ หรือการใช้เพื่อสุขภาพ เป็นการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน ซึ่งหากมีการตีความว่าใช้เพื่อสันทนาการก็จะผิดกฎหมาย จะถูกจับปรับสูงถึง 6 หมื่นบาท ซึ่งตรงนี้เป็นช่วงว่าในการขูดรีดและเอารัดเอาเปรียบประชาชน” นายประสิทธิ์ชัยกล่าว
นายประสิทธิ์ชัยกล่าว ส่วนประการที่ระบุว่าไม่สามารถชี้ทิศทางกัญชาไทยได้นั้น เพราะว่าร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้ เป็นการใช้เพื่อทางการแพทย์ แต่ไม่มีมาตรการเพื่อภูมิปัญญาไทย ด้วยการตัดหมวดสำคัญในร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับเก่าออก คือ สิทธิการปลูกและการใช้ในครัวเรือน ที่ถูกตัดออกไปเลยจะเหลือเพียงการปลูกเพื่อจำหน่าย ในที่นี้หมายความว่า แม้ว่าร่าง พ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว จะบอกว่าคนไทยทุกคนสามารถขออนุญาตปลูกกัญชาได้ แต่มาตรการกำกับและบทลงโทษ ทำให้คนทั่วไปแทบไม่อยากปลูก ซึ่งจะส่งผลให้หลังจากนี้ คนเลือกจะไม่ขออนุญาตปลูก แล้วกลับไปปลูกแบบใต้ดินเช่นเดิม เพราะว่าถ้าขออนุญาตปลูกแล้ว ก็จะถูกควบคุมด้วยมาตรการที่มากเกินไป ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ถูกกลั่นแกล้งกันได้ด้วย เช่น การให้อำนาจเจ้าพนักงานในการเข้าตรวจค้นพื้นที่ปลูกหรือในรถ
เมื่อถามว่าหลังจากที่คุยกับ รมว.สธ. ในวันที่ 12 ม.ค. เหมือนหรือต่างจากวันแรกที่ได้คุยกัน นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า หลายๆ เรื่องไม่เหมือนที่คุยกันไว้ กลายเป็นว่ามาตรการแรงกว่าตอนเป็นยาเสพติด กลับกลายเป็นคนที่ไม่ขออนุญาตปลูกจะดีกว่าคนที่อนุญาต เพราะถ้าขออนุญาตก็จะมีโทษหลายชั้น เช่น การพักใช้ใบอนุญาต ต้องไปขออุทรณ์ หรือถ้ากระทำผิดซ้ำก็จะมีการปรับจับ จำคุก แต่ถ้าไม่ได้ขอแล้วปลูกกัญชา ก็จะมีโทษชั้นเดียวคือ จับปรับ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้เครือข่ายฯ จะทำอย่างไรต่อ นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ได้เสนอร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับเราไปแล้ว แต่ต้องอาศัยการลงรายชื่อถึง 10,000 รายชื่อ ส่วนร่างโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใช้เพียง 20 รายชื่อเท่านั้น และที่สำคัญคือ ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับหลักที่จะถูกเสนอต่อ ครม. คือร่างที่เสนอโดยรัฐบาล ฉะนั้น วิธีเดียวที่เครือข่ายฯ จะทำได้ตอนนี้คือ การเสนอความเห็นต่อร่างที่ นพ.ชลน่าน จะนำเสนอต่อ ครม. โดยเครือข่ายจะทำหนังสือถึง รมว.สธ. อีกครั้งในวันที่ 23 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นที่ว่าไม่เหมือนที่ปิดห้องคุยกัน ขอชี้แจงว่าเคยเชิญคณะของนายประสิทธิชัยมาพูดคุยเรื่องแนวทางของกระทรวง สธ. ต่อเรื่องกัญชาพูดถึงเชิงนโยบาย เน้นย้ำว่าต้องเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ เราเองมีนโยบายด้านนี้ชัด ถ้าจะนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิดประเภทเราต้องมีกฎหมายออกมาควบคุม แต่เราไม่ได้บอกว่าจะไปห้ามเปิดร้านหรือห้ามใช้ แต่บอกว่าต้องใช้ให้ถูกวิธี
"ใครจะเป็นผู้ใช้ ใครจะเป็นผู้จำหน่าย สถานที่จำหน่าย เวลาที่จำหน่าย วิธีการที่จำหน่าย ต้องควบคุมให้ชัด เพราะบนพื้นฐานของกัญชา ไม่ว่าราก ต้น ใบ ดอก ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นยาเสพติด แต่มีสารเสพติดอยู่มี THC มี CBD การใช้ก็ต้องอยู่ภายใต้ควบคุม เราก็คุยกันชัดเจนนี้" นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนวิธีการทำร่างกฎหมาย ก็เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมายที่ร่าง เราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม เปิดให้รับฟังความเห็น ก็เสนอเข้ามา ว่า สิ่งที่ควรจะเป็นเป็นอย่างไรแต่ต้องคำนึงถึงความเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมวลมนุษยชาติเป็นหลัก ถ้าจะใช้ต้องไม่เป็นอันตราย
ถามว่ามีการเอาไปเปรียบเทียบกับตัวร่างเก่าที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ จะมีการให้ใช้พื้นที่ส่วนตัว ไม่ให้ใช้พื้นที่สาธารณะโดยเฉพาะการสูบ แต่ฉบับใหม่ถูกตัดออกไป บอกว่าล่วงล้ำสิทธิการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพของประชาชน นพ.ชลน่านกล่าวว่า เขาต้องตอบให้ชัดว่า ความต่างตรงนี้ต้องยอมรับว่ามันมีความต่างจริง โดยเฉพาะร่างใหม่ของเราเติมเต็มคำว่านันทนาการหรือ สันทนาการ เข้าไป หากใช้สันทนาการก็เป็นการใช้ที่ผิด เพราะเราบอกว่าเพื่อการแพทยืและสุขภาพ คำว่าสุขภาพกว้างมาก การที่จะเอาไปใช้สุขภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ส่วนตัว ต้องไปแยกให้ชัด