สุโขทัย - ตัวแทนกลุ่มคนสุโขทัยใส่ใจสมาชิกวุฒิสภาบุก กกต. จี้ระงับใช้ระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ว.ปิดปากสื่อ-ปิดหูปิดตาประชาชน ขัดรัฐธรรมนูญ 2560
วันนี้ (9 พ.ค.) พ.ต.อ.วิรัตน์ ดำคง และตัวแทนกลุ่มคนสุโขทัยใส่ใจสมาชิกวุฒิสภา ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องคัดค้านระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ซึ่งวางกรอบที่เข้มงวดจนสร้างบรรยากาศความกังวลและความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่จะสมัครรับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก
เพราะหากไม่ปฏิบัติตามอาจมีบทลงโทษทางอาญาให้ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอีก 5 ปี
พ.ต.อ.วิรัตน์ ตัวแทนกลุ่มคนสุโขทัยใส่ใจสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ระเบียบนี้เป็นการปิดปากผู้สมัคร ปิดปากสื่อมวลชน และปิดหูปิดตาประชาชน จึงมีความจำเป็นต้องคัดค้านและเรียกร้องให้มีการแก้ไข โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.) ปิดปากผู้สมัคร ระเบียบดังกล่าวกำหนดให้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวได้เพียงการทำเป็นเอกสาร A4 ไม่เกิน 2 หน้า โดยมีข้อความเพียงข้อมูลส่วนตัว รูปถ่ายของผู้สมัคร ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น แม้จะให้มีการแนะนำตัวทางออนไลน์ได้ แต่ห้ามเปิดเผยให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัครรับทราบ ด้วยแนวทางนี้ในทางปฏิบัติ ผู้สมัครแทบจะไม่สามารถใช้โซเชียลมีเดียได้
ข้อบังคับเช่นนี้ตัดการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ออกจากการเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการทางการเมือง โดยการออกระเบียบไม่ให้ผู้สมัครแนะนำตัว หรือประกาศตัวต่อสาธารณะ แต่ให้คุยกันเองในวงเล็กๆ ด้วยข้อมูลที่จำกัดเท่านั้น
2.) ปิดปากสื่อมวลชน นอกจากห้ามผู้สมัคร ระเบียบ กกต.ฉบับนี้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน และผู้เอาใจใส่สังเกตการณ์ในหลายประการ ทั้งการห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุ โทรทัศน์ รวมถึงห้ามให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน นักข่าว หรือสื่อออนไลน์ ประกอบกับระเบียบยังนิยามคำว่า "แนะนำตัว" ไว้อย่างกว้างขวาง คือ "การบอก ชี้แจง หรือแจกเอกสาร เพื่อให้ผู้สมัครอื่นรู้จัก"
ขอบเขตที่กว้างและไม่ชัดเจนนี้ ทำให้ไม่อาจทราบว่าการกระทำถึงขนาดไหนจะถือว่าเป็น หรือไม่เป็นการแนะนำตัวของผู้สมัคร ก่อให้เกิดสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนอาจเกิดเหตุการณ์ที่สื่อมวลชนเลือกจะเซ็นเซอร์ตัวเองเพื่อความปลอดภัย เพราะแม้จะไม่ใช่ผู้สมัคร แต่หากการรายงานข่าวนั้นถูกตีความว่าเป็นผู้ช่วยเหลือผู้สมัคร อาจถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ และมีโทษเช่นเดียวกันกับผู้สมัคร
3.) ปิดหูปิดตาประชาชน ขอบเขตกฎหมายที่กว้าง ไม่ชัดเจน และโทษทางอาญาที่สูง ประกอบกับการที่ กกต.เองออกมาสื่อสารกับสาธารณะโดยตลอดว่าห้ามมีการหาเสียง แนะนำตัว ประกาศตัว หรือกระทำการที่เข้าข่ายจะมีบทลงโทษ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการบังคับทางอ้อม ให้ประชาชนและผู้สมัครจำเป็นต้องจำกัดบทบาทของตนต่อกระบวนการเลือก ส.ว. ส่งผลต่อบรรยากาศการเลือก ส.ว.ที่กำลังจะเกิดขึ้นขาดการมีส่วนร่วมและโปร่งใสเพียงพอ
จนสวนทางกับกระแสสังคมที่กำลังเรียนรู้ และสนใจกระบวนการเลือก ส.ว. ดังที่เราได้เห็นผู้ประสงค์จะลงสมัครคัดเลือก ต่างทยอยประกาศตัวให้สาธารณะและให้ผู้สมัครคนอื่นได้รู้จัก ระเบียบ กกต.ฉบับนี้มีผลทำให้เกิดบรรยากาศที่ผู้ประสงค์จะสมัคร ส.ว.ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าแนะนำตัว เพราะไม่แน่ใจขอบเขตของการแนะนำตัว จนที่สุดทำให้บรรยากาศการมีส่วนร่วมของประชาชนลดลง
ทั้งยังขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 78 ที่กำหนดให้รัฐพึงส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมตลอดทั้งการตัดสินใจทางการเมือง
หากปล่อยไว้เช่นนี้ ย่อมเป็นที่น่ากังวลว่าความน่าเชื่อถือของ ส.ว.ชุดใหม่ย่อมสั่นคลอนและไร้ซึ่งการยอมรับของประชาชน และที่เลวร้ายกว่านั้น หากปล่อยให้มีระเบียบที่ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนเช่นนี้ ยิ่งจะลดทอนความศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ตัวแทนกลุ่มคนสุโขทัยใส่ใจสมาชิกวุฒิสภากล่าวอีกว่า เพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ระงับการบังคับใช้ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแก้ไขเพื่อรองรับหลักการของการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน
รวมทั้ง กกต.ควรกำหนดมาตรการและแผนงานในการส่งเสริมการรับรู้ การมีส่วนร่วม และการตรวจสอบการทุจริตโดยประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ผ่านการเปิดกว้างเพื่อรับฟังเสียงประชาชน และสื่อมวลชนที่จะได้รับผลกระทบให้มากยิ่งขึ้นด้วย