ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เปิดใจ 3 เด็กสาวโคราช ถูกหลอกเข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ประเทศเพื่อนบ้านนานนับเดือน ก่อนจนท.ช่วยเหลือกลับไทยได้ แฉเรียบเล่ห์กลโกงแก๊งคอลฯชาวจีนสุดโหด ทุกวันต้องโทรฯหาเหยื่ออย่างน้อย 500-700 สาย หากทำไม่ได้บางรายถูกส่งไปขายตัวหรือถูกซ้อมทำร้ายร่างกายด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า-ไม้เบสบอลตีบางรายเสียชีวิต
ดร.คำผอง ตีราษ ประธานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ภาคอีสาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐของไทยโดยศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานของประเทศเพื่อนบ้าน สามารถช่วยเหลือหญิงสาวชาวไทยอายุ 25 ปี 1 ราย และ เยาวชนหญิงวัย 14 ปี อีก 2 ราย รวมเป็น 3 ราย ชาวอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ออกมาจากการถูกกักขังของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกหญิงสาวทั้ง 3 ราย ไปกักขังยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วบังคับให้โทรศัพท์กลับมาหลอกคนไทยนานเกือบ 1 เดือน เป็นผลสำเร็จ ซึ่งตอนนี้หญิงสาวทั้งหมดปลอดภัยดี และกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดร.คำผอง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เด็กสาวทั้ง 3 คน ประกอบด้วย น.ส.เอ อายุ 25 ปี ด.ญ.หนึ่ง และ ด.ญ.สอง วัย 14 ปี ทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน ได้หายตัวออกจากบ้านไป โดยบอกว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด ก่อนจะวิดีโอคอลฯ กลับมาบอกญาติ ซึ่งเป็นอาของเด็กสาวทั้ง 3 ว่า ถูกพาตัวอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน ทางญาติจึงพากันแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อช่วยติดตามตัวกลับคืนมา
ในช่วงแรกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่รับทราบข้อมูลก็เริ่มดำเนินการสืบหาข่าวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นตนในฐานะที่เป็นประธานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ประสานงานไปหลายหน่วยงาน ทั้งในระดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และระดับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงกรมการกงสุล พร้อมกับส่งรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสามารถติดตามตัวเด็กสาวทั้ง 3 กลับมาได้โดยปลอดภัยในที่สุด ซึ่งในรายละเอียดเชิงลึกไม่สามารถระบุได้ทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามเด็กสาวที่ถูกหลอกไปในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังประเทศเพื่อนบ้าน บอกว่า ที่ทั้งหมดตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น เนื่องจากต้องการมีรายได้ จึงลองค้นหางานตามอินเตอร์เน็ต และบังเอิญเข้าไปในเว็บไซต์การพนันออนไลน์ ที่ประกาศรับสมัครงานอยู่ จึงได้มีการสอบถามข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก เบื้องต้นทางเว็บฯ พนันบอกว่า มีงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตอบไลน์สมาชิก เงินตอบแทนเดือนละ 25,000 บาท จึงชักชวนกันลองไปทำงาน และติดต่อกับทางนายหน้าเว็บฯ พนัน จากนั้นก็ขึ้นรถโดยสารเดินทางไปยังด่านพรมแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเมื่อไปถึงจะมีชายประเทศเพื่อนบ้านมารอรับ และพาหลบหนีเข้าพรมแดนทางช่องทางธรรมชาติ และมีคนมารอรับเพื่อไปยังสถานที่ทำงานอีกทอดหนึ่ง
เมื่อไปถึงเริ่มแรกจะมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนายจ้างซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชาวจีน ให้ทำการทดสอบเพื่อเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานตอบข้อความทางแชทไลน์ ซึ่งต้องสามารถพิมพ์ข้อความที่กำหนดอย่างน้อย 30 คำต่อนาที ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถสอบผ่านในเงื่อนไขนี้ จึงถูกนำตัวส่งไปทำงานในตำแหน่งอื่น ซึ่งตอนนั้นทั้งหมดเริ่มเอะใจบ้างแล้ว แต่ยังมีความหวังที่จะได้งาน แต่ต้องไปยังสถานที่อีกแห่ง ซึ่งเป็นตึกใหญ่มี 5 ชั้น ในนั้นมีคนไทยนับร้อยนั่งทำงานโทรศัพท์อยู่เต็มตึก
ก่อนที่จะถูกบังคับให้ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์ไปหลอกคนไทย ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้หลงเชื่อแล้วให้ข้อมูลสำคัญ หากไม่ยอมทำตามจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าทำร้ายร่างกาย แต่หากทำตามก็จะให้เงินเดือนเป็นเงิน 20,000 บาทต่อเดือน หยุดทุกเสาร์อาทิตย์ และสามารถใช้โทรศัพท์ได้นอกเวลางานไม่เกิน 4 ทุ่ม ขอให้ทำงานให้เป็นเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้นจากนั้นจะกลับหรือทำงานต่อก็แล้วตามใจ
ทั้งหมดจึงจำใจต้องทำตามเพราะไม่รู้ว่าจะกลับออกไปได้อย่างไร เพราะทั้งหมดถูกห้ามไม่ให้ออกจากตัวตึกอย่างเด็ดขาด หากใครคิดหนีจะมีการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ในนั้นจะมีคนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งถูกทำร้ายร่างกายแทบทุกวัน หนักที่สุดคือถูกใช้ไม้เบสบอลตีจนหัก บาดเจ็บสาหัส
สำหรับวิธีการที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ใช้ จะเป็นการให้คนโทรศัพท์ไปหลอกให้ปลายสายหลงเชื่อด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งกลุ่มเด็กสาวทั้งหมดจะได้รับกระดาษพร้อมข้อความประมาณว่า ให้ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วโทรศัพท์ไปปลายสาย ที่เป็นคนไทย บอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีร้ายแรง แล้วสอบถามข้อมูลเบื้องต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อต้องการที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ก็จะถูกโอนสายไปยังระบบเอไออีกทอด แต่ไม่รู่ว่าระบบนั้นจะทำอะไรต่อไป มาถึงขั้นตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว ซึ่งจะใช้เวลาในการซักซ้อมบทพูดประมาณ 7 วัน จากนั้นถึงจะเริ่มโทรศัพท์ติดต่อจริง
เด็กสาวเล่าให้ฟังอีกว่า แต่ละวันต้องโทรศัพท์อย่างน้อยวันละ 500 – 700 หมายเลข เพราะเจ้าของกิจการซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นชาวจีน หวังว่าจะมีคนที่หลงเชื่อและยอมบอกข้อมูลสำคัญอย่างน้อย 3 – 4 ราย หากใครทำไม่ได้จะถูกขายตัวส่งไปที่อื่น ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องไปทำอะไร มีคนที่อยู่ในนั้นเล่าให้ฟังว่าบางคนก็ถูกนำไปขายตัวหรือบางคนถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตก็มี
น.ส.เอ หนึ่งในเด็กสาวที่ถูกหลอก บอกว่า ก่อนถูกนำตัวออกมาก่อนหน้านั้นตัวเองต้องแสร้งทำเป็นเชื่อฟังและทำตามคำสั่งอย่างดีโดยตลอด และสามารถที่จะขอใช้โทรศัพท์โดยลวงว่าจะใช้โทรฯหาเพื่อนเพื่อชักชวนให้มาร่วมทำงานด้วย ซึ่งในระหว่างนั้นถือโอกาสโทรฯ พูดคุยกับบทางญาติพี่น้อง เพื่อแจ้งข่าวให้ทราบเป็นระยะๆ จนกระทั่งก่อนวันที่จะถูกนำตัวออกมา มีคนนำเอกสารคล้ายใบแจ้งความคนหายที่มีรูปของตัวเองและน้องๆ มาให้ดูและถามว่าใช่ตัวเองไหม เมื่อตรวจสอบว่าเป็นคนที่อยู่ในเอกสารจริง จึงมีคนประมาณ 6 – 7 คน เข้ามานำตัวเองและน้องๆ ออกจากตึก และถูกนำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่จนสามารถกลับมาได้ในที่สุด
สุดท้ายเด็กหญิงทั้งหมดบอกว่า ถือว่าเป็นโชคดีที่ตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ในนั้นรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก เพราะมีคนถูกทำร้ายให้เห็นทุกวัน ยืนยันว่าจะไม่คิดออกไปทำงานต่างประเทศ หรือข้องเกี่ยวกับเรื่องเว็บฯ พนันอีกต่อไปแล้ว
และอยากฝากเตือนให้ใครก็ตามที่กำลังคิดจะไปทำงานตามประกาศรับสมัครงานประเภทนี้ หรือว่ามีใครมาชักชวน อย่าได้หลงเชื่ออย่างเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นอาจต้องเสียใจและอาจจะไม่โชคดีเหมือนเช่นตัวเองและน้องๆ เพราะตอนนี้คนไทยที่ยังอยู่ในตึกนั้นยังมีอีกจำนวนมากที่กำลังรอความช่วยเหลืออยู่