ประจวบคีรีขันธ์ - ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับมือวนอุทยานปราณบุรี และเครือข่ายพันธมิตร จัดกิจกรรม Low Carbon เดินวิ่ง ปล่อยปูม้า และปลูกป่าชายหาดวนอุทยานปราณบุรี หวังสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ลดโลกร้อนอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การเพิ่มประชากรสัตว์น้ำ และส่งเสริมการท่องเที่ยว การเรียนรู้โครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
วันนี้ (31 มี.ค.) นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสมศักดิ์ กรีธาธร หัวหน้าวนอุทยานปราณบุรี ร่วมกันเปิดเปิดกิจกรรม “เดิน วิ่ง ปลูกป่าชายหาด ปล่อยปูม้า” โดยมี นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายกฤษณ สุขพานิช หัวหน้ากองอำนวยการควบคุมไฟป่าพระราชวังไกลกังวล น.ส.วรกานต์ ถาวร และ น.ส.จิราวรรณ บุญฤทธิ์ รอง ผอ.ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกลุ่มสื่อมวลชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรม ณ วนอุทยานปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายอภิชาติ หงษ์สกุล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมเดิน วิ่ง ปลูกป่าชายหาด ปล่อยปูม้า ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบ Low Carbon ประกอบด้วยกิจกรรมเดินวิ่ง ระยะทาง 5.9 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการออกกำลังกาย สร้างสุขภาพแข็งแรง การส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่วนอุทยานปราณบุรี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าโกงกางระยะทาง 1,100 เมตร ซึ่งมีป้ายสื่อความหมายพันธุ์ไม้ป่าชายเลน
รวมทั้งการเยี่ยมชมอาคารเรียนรู้โครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งภายในพื้นที่โครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรม ตั้งแต่เมื่อปี 2538 จนกลับมาเป็นผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ มีอากาศบริสุทธิ์จนถึงปัจจุบัน และกิจกรรมปล่อยปูม้าขนาดโตเต็มวัย ซึ่งพร้อมที่จะขยายพันธุ์ จำนวน 72 ตัว คืนความสมบูรณ์สู่ทะเลปากน้ำปราณ และสุดท้ายเป็นกิจกรรมปลูกป่าชายหาด ด้วยการปลูกต้นจิกทะเล เสริมความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ชายหาดวนอุทยานปราณบุรี ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่งเสริมกิจกรรมในรูปแบบ Low Carbon ช่วยสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับกิจกรรม “เดิน วิ่ง ปลูกป่าชายหาด ปล่อยปูม้า” ในครั้งนี้ ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดขึ้นเนื่องในวันผู้สื่อข่าว 5 มีนาคม ประจำปี 2567 ซึ่งจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี โดยผลัดเปลี่ยนวันตามความเหมาะสม รวมทั้งรูปแบบกิจกรรม โดยเน้นการออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้สื่อข่าวและเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มองค์กรต่างๆ มีสุขภาพดี ผสมผสานกับกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน รวมทั้งเป็นการเพิ่มประชากรสัตว์น้ำในท้องทะเลโดยเฉพาะปูม้าแทนการจับขึ้นมาบริโภคเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังเป็นการพบปะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันด้วย
ด้านนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่ทางชมรมผู้สื่อข่าวจัดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ทั้งการปล่อยปูม้า หรือปลูกป่าชายหาด ส่วนการออกกำลังกายด้วยการเดินวิ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากผู้สื่อข่าวมีร่างกายแข็งแรง และสุขภาพดี จะสามารถทำประโยชน์เพื่อสังคมหรือทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางได้ รวมทั้งทุกคนทุกสาขาอาชีพด้วย สิ่งสำคัญคือสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ขณะที่ตนหลังจากเกษียณอายุราชการมานาน 9 ปี ได้ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข่งแรงเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ กรีธาธร ผน.วนอุทยานปราณบุรี กล่าวว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม รวม 3 เดือน เฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดชาวไทยที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นแบบครอบครัว และเป็นแบบกรุ๊ปทัวร์ เฉลี่ย 80% ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 20% เข้ามาเดือนละประมาณ 12,000 คน ซึ่งในปี 2567 การท่องเที่ยวเติบโตขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วราว 20% เนื่องจากในการท่องเที่ยวในวนอุทยานปราณบุรี มีลักษณะที่เป็นความพิเศษทั้งเรื่องของความเป็นแบบการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติทั้งสัมผัสป่าชายเลน ป่าโกงกาง 100 ปี เส้นทางเดินวิ่ง ปั่นจักรยาน และมีชายหาดที่โค้งเว้าสวยงาม ลานกางเต็นท์ในป่าสน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลพบว่านักท่องเที่ยวชอบความเป็นธรรมชาติและเงียบสงบ
น ส.วรกานต์ ถาวร รอง ผอ.ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่วนอุทยานปราณบุรี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในการท่องเที่ยว Low Carbon ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนให้น้อยลงเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวแบบปกติ ในขณะที่นักท่องเที่ยวได้รับรับประสบการณ์ที่ส่วนร่วมในการลดโลกร้อน โดยยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายและความสุขที่ได้รับจาการท่องเที่ยว ณ วนอุทยานปราณบุรี