พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจบุกทลายแหล่งจำนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถจอดเพียบ
เย็นวันนี้ (21 มี.ค.) นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.อดิเรก โปธิปัน ผกก.สภ.บางปะอิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง จ.พระนครศรีอยุธยา บุกทลายแหล่งจำนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นลักษณะโกดัง ขนาดความกว้าง 20 × 50 เมตร ปิดมิดชิดกำแพงสูงบังสายตา ตรวจสอบภายในโกดังพบรถยนต์ 7 คัน และรถจักรยานยนต์ 53 คัน จึงได้ตรวจยึดรถทั้งหมด พร้อมรถขึ้นรถสไลด์นำไปเก็บไว้ที่ สภ.บางปะอิน
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สำหรับการบุกจับทำทลายแหล่งจำนำรถเถื่อนรายใหญ่ สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเปิดปฏิบัติการปราบปรามเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ จนกระทั่งมีผู้เสียหายชาว จ.ลพบุรี ได้เข้ามาแจ้งความที่ สภ.บางปะอิน ว่าได้จำนำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียน บษ 9006 ลพบุรี ไว้กับ น.ส.ต้า และ น.ส.จูน (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ได้มีการทำสัญญากันเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566
โดยในสัญญานั้นมีระบุว่าการจำนำไว้ในราคา 80,000 บาท โดยในสัญญาตกลงกันว่าเป็นค่าบริการรายเดือนเดือนละ 8,000 บาท ค่าจอดรถ 2,000 บาท/เดือน ค่าทำเอกสาร 800 บาท ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ทางผู้รับจำนำได้หักเงินไว้ในจำนวน 10,800 บาท ตามสัญญาข้างต้น คงเหลือที่ได้รับเป็นเงินจำนวน 69,200 บาท ผู้เสียหายได้มีการชำระรายเดือน จำนวน 10,000 บาท 3 เดือน
ต่อมา ผู้เสียหายต้องการจะไถ่รถคืน จึงได้ติดต่อไปยังผู้รับจำนำ ซึ่งทางผู้รับจำนำแจ้งกับผู้เสียหายว่า ให้นำเงินจำนวน 80,000 บาท มาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำรถออก แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว จึงได้เดินทางมา สภ.บางปะอิน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ และมอบคดีให้พนักงานสอบสวน ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จึงมีการวางแผนติดต่อผ่านทางออนไลน์ นามบริษัทควิกแคท โดยการนำรถของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อนำไปจำนำและทดลองติดต่อพูดคุยและทำการนัดหมายกับผู้รับจำนำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตามที่มีการนัดหมายไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงได้พบกับนายโต (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) และเมื่อแน่ชัดว่ามีการรับจำนำจริง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อผู้รับจำนำทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่โกดังเก็บรถดังกล่าว
นายโต ยอมรับว่ารถดังกล่าวทั้งหมดได้มีการมาจำนำไว้จริง โดยเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 10 ต่อเดือน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้สอบถามเรื่องใบอนุญาตในการประกอบกิจการธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งนายโต พร้อมพวกให้การรับว่า ตนพร้อมพวกไม่มีใบอนุญาตแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมกับแจ้งสิทธิตามกฎหมาย พร้อมเชิญตัวทั้งหมดไปดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมจะขยายผลไปยังแหล่งนายทุนรายใหญ่ต่อไป