นครปฐม - หลวงพี่น้ำฝนชี้เจ้าตำรับคอร์สสู่นิพาน 2.5 หมื่นบาท ให้สำนึกถึงคำว่ากรรม ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น เน้นประชาชนเข้าถึงศีล 5 ทำชีวิตสงบสุข ส่วนประเด็นศึกษาถึงนิพพานพระสงฆ์หลายรูปยังไม่บรรลุ แต่ทุกวัดทั่วประเทศเปิดคอร์สอบรมธรรมฟรีอยู่แล้ว
จากกรณีเรื่อง "ครูโอ้ เปิดคอร์สสู่นิพพาน 2.5 หมื่น" ซึ่งเป็นกรณีร้อนแรงที่ประชาชนให้ความสนใจ รวมถึงผู้สันทัดกรณีทางด้านพระพุทธศาสนาชี้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความไม่เหมาะสมที่จะออกมาพูด หรือจัดอบรม เพราะเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องดังกล่าว
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า ทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ รู้สึกมีความไม่สบายใจที่ปัจจุบันมีการใช้สื่อออนไลน์เปิดคอร์สในการเข้าสู่นิพพานด้วยเงิน 25,000 บาท โดยชี้ว่าเรื่องดังกล่าวประชาชนหรือพุทธศาสนิกชนจำเป็นต้องมีการตื่นตัวและตระหนักในเรื่องของการใช้หลักการในการคิดก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือเครื่องมือของคณะบุคคลหรือกลุ่มคนที่กำลังตักตวงผลประโยชน์ในสังคมปัจจุบันนี้
หลวงพี่น้ำฝน บอกอีกว่า การเปิดอบรมคอร์สสู่นิพพานจริงๆ แล้วคณะสงฆ์ทั่วประเทศได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยเป็นการอบรมธรรมะฟรีให้ญาติโยม ซึ่งคณะสงฆ์ทำหน้าที่นี้อยู่แต่ไม่เข้าใจว่าบุคคลดังกล่าวเหตุใดถึงได้มีการคิดว่าเรื่องนี้สามารถเปิดคอร์สแล้วจะเข้าสู่นิพพานได้เพียงไม่นาน เพราะพระภิกษุสงฆ์หลายรูปไม่สามารถบรรลุไปถึงจุดนั้นได้
ในส่วนของประชาชนขอให้ดำเนินตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยหลักการง่ายๆ คือศีล 5 จะทำให้ชีวิตสงบสุขได้ ที่สำคัญจำเป็นต้องคิดอยู่ในหลักของการ ค คือ คิด ว คือ วิเคราะห์ ย คือ แยกแยะ ห คือเหตุผล ด้วยหลักของการปฏิบัติ ศีล สมาธิ และปัญญา สิ่งเหล่านี้จะไม่นำไปสู่การตกเป็นเหยื่อหรือหลงทางในการดำเนินชีวิตด้วยหลักธรรม
ในทางปฏิบัติสิ่งที่เห็นได้ชัดคือพระพุทธองค์ได้ให้แนวทางโลภโกรธหลงไว้เป็นแนวทางหนึ่ง ถ้าเราตั้งต้นด้วยความโลภจะนำสู่ความโกรธ พาไปสู่ความลุ่มหลง เหล่านี้จะทำให้เราหลงเชื่ออะไรได้ง่าย แต่หากมีสติมีปัญญา คิดวิเคราะห์อย่างถ้วนถี่การปฏิบัติธรรมไปสู่นิพพานประชาชนสามารถทำได้ หากอยู่ตามหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามหลักคำสั่งสอนอย่างเคร่งครัด
"มีคำถามมาว่าหากจะฝากถามถึงผู้จัดอบรมในคอร์สนี้ จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรม เราทำกรรมใดจะได้สิ่งนั้น หากทำดีสิ่งดีๆ ก็จะเข้ามา หากทำสิ่งไม่ดีความเร็วร้ายเข้ามาหาในชีวิต จึงฝากถึงคนที่คิดจะหลอกสังคมเรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้ไม่เจ็บเพียงอาจารย์คนใดคนหนึ่ง แต่อยากฝากถึงคนทุกคนหากใช้หลักการนี้จะเข้าใจถึงวิถีแห่งกรรมของตนเอง"
ด้านนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ ในฐานะนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย เผยว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะอย่างน้อยคนที่จะก้าวไปสู่นิพพานต้องมีหลักการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเบื้องต้นคือการปฏิบัติสมถะกรรมฐานก่อน เมื่อปฏิบัติถึงขั้นหนึ่งจนได้สมาธิแล้ว สมาธิจะนำพาซึ่งปัญญา และเป็นที่มาของวิปัสสนา นี่คือการเริ่มต้น หากจะเข้าถึงการปฏิบัติธรรม แต่ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้จู่ๆ ก็มาบอกว่าสามารถจะทำให้บรรลุสู่นิพพานได้ โดยใช้การเข้าคอร์สอบรม และมีการเสียเงินถึง 2.5 หมื่นบาท และยังมีการเจาะจิตให้เข้าสู่การบรรลุธรรมได้เช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมจิต หรือเจาะจิตแบบนี้ พอมีการไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไม่มีผู้เสียหายอาจจะเพราะเป็นความอาย ยังงมงายก็ไม่ทราบ เพราะในองค์ประกอบ บอกว่าเป็นการหลอกลวงผู้อื่นหรือปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งและนำไปสู่การสูญเสียเงินทองหรือทรัพย์สิน มีผู้เสียหายมันไม่สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีได้ แต่สำหรับรายนี้มีการประชาสัมพันธ์ในสื่อโซเชียลตามแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างชัดเจน ตรงนี้มีความผิดชัดเจน ความผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุมาตรา 1 บอกไว้เลยคือการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะในมาตรานี้ไม่ได้บอกว่าหลอกลวงแล้วมีค่าเสียหาย แต่เขาใช้คำว่าโดยประการที่จะเป็นการเสียหายแก่ประชาชน ตรงนี้ใครเข้าไปกล่าวโทษต้องมีการดำเนินคดีทางกฎหมาย
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อยากจะฝากถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นแม่งาน ที่ผ่านมาอาจจะมองว่าสำนักงานพระพุทธศาสนามีหน้าที่ดูแลพระสงฆ์ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของประชาชนที่ก่อเรื่องขึ้นมา ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการหรือเกี่ยวข้อง อันนี้ไม่จริง เพราะหากเข้าไปดูในวัตถุประสงค์ของหน่วยงานบอกชัดเจนว่าทำหน้าที่ในการดูแลพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ดูแลพระสงฆ์อย่างเดียว
"อย่างกรณีนี้การเจาะจิตการเชื่อมจิตเพื่อนำไปสู่นิพพานและคนที่พูดเป็นใครก็ไม่รู้ มาบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีการเสียเงินแล้วจะนำไปสู่ซึ่งนิพพาน เขาพูดถึงเรื่องพระพุทธศาสนาโดยตรง จะหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะบางคนจิตใจอ่อนแอขาดที่พึ่ง หากมาพบกับข้อมูลเหล่านี้ อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่เคยไปเจาะจิตหรือเชื่อมจิตใคร พระองค์ให้พระธรรมคำสั่ง และสาวกนำไปประพฤติปฏิบัติต่อกันมา ซึ่งหากหน่วยงานไม่ดำเนินการภายใน 3 วันนี้ ผมในฐานะนายกสมาคมจะเข้าไปแจ้งความกล่าวโทษที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามต่อไป"