นครปฐม - บุกจับสึกหลวงตาวัย 70 ปี อาศัยอยู่บ้านไม่กลับวัดนานแรมปี ตรวจสอบเอกสารไม่ถูกต้อง ส่งเจ้าคณะตำบลจับสึก โดยชาวบ้านรู้ข่าวถึงกับเฮ เพราะทนเห็นพฤติกรรมขับรถไปบิณฑบาต ก่อนมาจอดริมทางแล้วกลับเข้าบ้านเกือบทุกวัน
วันนี้ (15 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พร้อมพระเลขา ได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านถนนกั๋งบ๊วย ในตัวเมืองนครปฐม หลังจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีพระสงฆ์ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมโดยไม่กลับวัดต้นสังกัด และอาศัยอยู่ที่บ้านพักดังกล่าวมาเป็นแรมปี ซ้ำยังมีการขับรถกระบะไปจอดเพื่อบิณฑบาตและขับกลับมาจอดทิ้งไว้ที่สวนธารณะใกล้บ้านเกือบทุกวัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างความไม่สบายใจกับพุทธศาสนิกชนที่พบอยู่เป็นประจำ
โดยเมื่อหลวงพี่น้ำฝน และเจ้าหน้าที่ไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว ได้พบกับพระภิกษุสงฆ์ตามที่ได้รับรายงานและนิมนต์มาสอบถามหาหนังสือประจำตัว โดยพบว่ามีความผิดปกติ และมีอาการไม่พอใจแสดงความขัดขืน เพื่อจะขอหนังสือเอกสารประจำตัวกลับคืน โดยมีชาวบ้านหลายรายที่ทราบเรื่องได้ออกมาดูเหตุการณ์ จึงได้เชิญให้ไปทำการสอบสวนที่วัด เพื่อประสานไปยังเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัดที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่พบหลักฐาน จึงได้ประสานนำส่งไปให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ สอบสวนอีกชั้นหนึ่ง
จากนั้นเมื่อคณะสงฆ์ได้นิมนต์ไปพบกับพระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ซึ่งได้ทำการสอบสวนและพยายามติดต่อกลับไปที่วัดต้นสังกัดอีกครั้ง กระทั่งได้คุยโทรศัพท์กับเจ้าอาวาส ได้แจ้งว่าเป็นพระจริงแต่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่วัดดังกล่าวแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับหนังสือเอกสารที่มีอยู่ในมือ เมื่อสอบสวนจึงพบว่าเป็นการดำเนินการเขียนเองและประทับตราโดยไม่มีเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอลงนาม จึงได้สั่งการให้ทำการสึกทันที
ขณะที่อีกรายมีประชาชนได้แจ้งมาว่าพบพระภิกษุไม่กลับวัดและมีการปักกลดอยู่ใกล้กับโรมแรมชื่อดังริมถนนเพชรเกษม อยู่นานประมาณ 3 เดือน จึงได้เข้าไปตรวจสอบและพบพระภิกษุวัย 60 ปี ตามที่ร้องเรียนคือจะอาศัยปักกลดอยู่ริมถนนเพชรเกษม เพื่อไปบิณฑบาตและรับปัจจัยจากญาติโยม โดยมีต้นสังกัดอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นได้นิมนต์ไปให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ดำเนินการจับสึกอีก 1 ราย
พระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม กล่าวว่า สำหรับกรณีพระที่ถูกจับสึกในวันนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่ามีพระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาตและมาพักบ้านโยมนานนับปี จึงได้มีการตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องจริงตามที่ได้รับร้องเรียนมา ตรวจสอบใบสุทธิพบว่ามีการปลอมแปลงใบสุทธิ มีการอาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตามกฎของมหาเถรสมาคมสามารถจับสึกได้เลย
ซึ่งหากมีการร้องเรียนเข้ามาอีกจะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎของมหาเถรสมาคมซึ่งมีกฎระเบียบไว้อยู่แล้ว ซึ่งหากเคยมีการตักเตือนแล้วและยังมีการประพฤติเช่นเดิมอีกสามารถจับสึกได้อีกเช่นกัน โดยคณะสงฆ์ต้องมีการเข้มงวดกวดขันโดยเฉพาะคณะผู้ปกครองที่ต้องเคร่งครัด และขอฝากถึงพระภิกษุสงฆ์ที่คิดจะเข้ามาบิณฑบาตหรือมาอาศัยในจังหวัดนครปฐม ให้พึงสังวรว่าอาจจะถูกจับสึกได้ ซึ่งต้องอาศัยญาติโยมประชาชนต้องช่วยคณะสงฆ์ด้วยในการเป็นหูเป็นตาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม