พบเศรษฐินีหัวหินพร้อมเลขาฯ ถูกยิงดับในบ้านพัก ลูกชายเอะใจติดต่อไม่ได้รีบเดินทางจาก กทม.มาดู

ประจวบคีรีขันธ์ - พบเศรษฐินีหัวหิน พร้อมเลขาฯ ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก หลังลูกชายเอะใจติดต่อแม่ไม่ได้หลายวัน ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานคร พบบ้านปิดล็อกสนิท ปีนบานเกล็ดเข้าไปได้กลิ่นเหม็นผิดปกติจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบพบแม่กลายเป็นศพ คาดเสียชีวิตมาแล้ว 7 วัน ส่วนเลขาฯ เสียชีวิตมา 5 วัน พบปืนกล็อก 9 มม.ในที่เกิดเหตุ

วันนี้ (10 มี.ค.) ร.ต.ท.พิทักษ์ คำนนท์คอม รองสารวัตรสอบสวน สภ.หัวหิน รับแจ้งเหตุพบสิ่งผิดปกติอาจจะเกิดเหตุร้ายในบ้านพักที่เป็นตึกแถว 3 ชั้น ริมถนนคันคลองชลประทาน ใกล้โรงพยาบาลหัวหิน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังรับแจ้งได้ประสานสายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถยนต์ และมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถานไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมรายงาน พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน พ.ต.ท.วรท กรุงกาญจนา รองผู้กำกับป้องกันปราบปราม สภ.หัวหิน ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่

ในที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 3 ชั้น ด้านหน้าต่อเติมเป็นห้องกระจก รับหล่อพระ สังฆภันฑ์ โต๊ะมุก ผ้าม่าน มีรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีดำจอดอยู่ โดยมีนายเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าของบ้านยืนรอตำรวจ โดยลูกชายบอกกับตำรวจว่า ติดต่อผู้เป็นแม่ไม่ได้หลายวันจนผิดสังเกต ด้วยความร้อนใจจึงตัดสินใจออกเดินทางจากกรุงเทพฯ กับภรรยามาหัวหิน เพื่อมาดูแน่ใจว่าแม่อยู่บ้านหรือไม่ เมื่อมาถึงช่วงเช้าพบว่าบ้านปิดล็อกอยู่ แต่ได้ยินเสียงแอร์ทำงาน และรถยนต์ของแม่จอดอยู่ พยายามเรียกไม่มีเสียงตอบ จึงตัดสินใจปีนเข้าไปทางบานเกล็ดหลังบ้าน เดินหาแม่ที่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องกั้นกระจก 2-3 ห้อง ขณะเดียวกัน ได้กลิ่นเหม็นโชยมาเตะจมูกอย่างแรง จึงเดินไปห้องกระจกในสุด แต่พบว่าห้องล็อก มองเห็นร่างคนมีผ้าคลุมอยู่ คิดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ จึงได้แจ้งตำรวจทันที


เมื่อตำรวจมาถึงพยายามปลดล็อกและเปิดห้องเข้าไป พบร่างของนางพัด (นามสมมติ) อายุ 63 ปี มารดาผู้แจ้งนอนอยู่มีผ้าห่มคลุมร่าง ใกล้กันยังพบร่างของนางสุ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเลขาฯ ของนางพัด นอนตะแคงเสียชีวิตอยู่ในสภาพสวมแต่เสื้อชั้นใน กางเกงชั้นใน คาดว่าทั้ง 2 คน เสียชีวิตมาหลายชั่วโมงแล้ว จากนั้นตำรวจ สภ.หัวหิน ได้แจ้งพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาตรวจสอบ เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบของตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. โดยกระสุนเข้าที่ศีรษะ 1 ราย และเข้าที่หน้าอกอีก 1 ราย เบื้องต้นเตรียมนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลหัวหิน พร้อมเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อหาตัวคนร้าย

ด้านนางสาวบี (นามสมมติ) ภรรยาของนายเอ ลูกชายนางพัด กล่าวว่า โดยปกติมารดาอาศัยอยู่คนเดียว จะมีพี่สุ ทำหน้าที่เลขาฯ และดูแลขับรถพาแม่ไปทำบุญไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ ไปหาญาติ หลังจากแม่ย้ายมาอยู่หัวหิน ลูกชายแม้ไม่ได้มาหาจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ ซึ่งแม่จะมีนิสัยชอบปิดมือถือหรือติดต่อไม่ได้ครั้งละหลายวัน เพราะบางทีไปเมืองนอกบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง ใช้ชีวิตอิสระ แต่จะโทร.คุยกับลูกตลอด


ล่าสุด ประมาณวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา แม่บอกว่าจะไปหาคุณยายที่ชุมพรซึ่งทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติ หลังจากนั้นลูกชายโทร.หาแม่เรื่อยๆ ทั้งโทร.ปกติ และวิดีโอคอล แต่แม่ไม่รับ คิดว่าคงอยู่กับยายที่ชุมพร แต่ปรากฏว่าคนทางชุมพรติดต่อแม่ไม่ได้ เพราะนัดหมายกันว่าจะมาชุมพรแต่ไม่เห็นแม่ไปหายาย และไม่มีคนส่งเงินค่าดูแลให้พยาบาลที่ดูแลคุณยาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติทำให้ทุกคนเอะใจ นายเอ จึงเดินทางมาหาแม่ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด กระทั่งมาถึงบ้านพบบ้านปิดล็อก แต่ผิดสังเกตที่แอร์ทำงานอยู่ จึงตัดสินใจปีนเข้าไป จนกระทั่งพบว่าแม่ และพี่สุ เลขาฯ เสียชีวิตอยู่ในบ้าน

พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน กล่าวว่า ในที่เกิดเหตุพบศพ 2 ศพ เป็นหญิงทั้งคู่ เป็นหญิงอายุ 63 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 7 วัน ส่วนอีกราย อายุ 46 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนกล็อก 19 ขนาด 9 มม.ในที่เกิดเหตุ โดยได้ตั้งประเด็นการเกิดเหตุว่า อย่างแรก เป็นการฆ่าตัวตาย อย่างที่สอง เป็นอุบัติเหตุปืนลั่นและมีการฆ่าตัวตาย

เบื้องต้น แพทย์จากโรงพยาบาลหัวหินมาตรวจสอบที่เกิดเหตุดูจากสภาพศพ คาดว่าถูกยิงคนละ 1 นัด กระสุนในรังเพลิงยังมีอยู่ โดยจะนำร่างผู้เสียชีวิตส่งตรวจพิสูจน์ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลหัวหิน เพื่อให้ทราบสาเหตุของการเสียชีวิต ส่วนอาวุธปืนให้พิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ DNA ว่าเป็นของใคร

ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งในเบื้องต้นจากการตรวจแล้วคาดว่าจะเป็นบุคคล 2 คนที่เกิดเหตุฆาตกรรมกันเอง สาเหตุยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน สำหรับหญิงวัย 46 ปี มีสามีเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งได้เดินทางมาที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน