MGR Online - พี่สาวร้องกองปราบ ช่วยคลี่คลายคดีแพทย์หญิงฆ่าตัวตายในบ้านพัก เชื่อฆาตกรรมอำพราง โดยฝีมือของคนใกล้ตัว
วันนี้ ( 19 ก.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย พญ.อุรา ตันวรเศรษฐี อายุ 49 แพทย์ประจำโรงพยาบาลสุภมิตรเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ จะสูงเนิน รอง สว.กก.2 บก.ป.เพื่อขอให้กองปราบปรามช่วยคลี่คลายคดีของ พญ.อุรารัตน์ เบญจารัตนมณี อายุ 39 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลการุญเวช จ.ปทุมธานี น้องสาว ที่เสียชีวิตเนื่องจากไม่เชื่อว่าเป็นการยิงตัวเองเสียชีวิต แต่น่าจะเป็นเหตุฆาตกรรม เพราะมีเงื่อนงำหลายอย่าง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 63 มีผู้ไปพบศพ พญ.อุรารัตน์ เสียชีวิตอยู่ในห้องนอนที่บ้านพักในพื้นที่ ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพศพมีผ้าห่มคลุมอยู่ มีอาวุธปืนตกอยู่ทางด้านซ้าย หลังเกิดเหตุทางตำรวจท้องที่เกิดเหตุได้เก็บอาวุธปืนของกลางและโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย 2 เครื่องไปตรวจพิสูจน์ และส่งศพไปชันสูตร ที่รพ.ธรรมศาสตร์ (รังสิต)
นายอัจริยะ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบมีสารยานอนหลับในร่างกายผู้ตายถูกเอาหมอนกดทับที่หน้าอกแล้วยิง โดยแพทย์นิติเวชยืนยันว่า ผู้ตายอาจจะยิงตัวตาย หรืออาจจะมีคนทำให้ตายก็ได้ แต่ไม่ฟันธงว่ายิงตัวเองตายหรือถูกทำให้ตาย หลังจากมีการผ่าพิสูจน์ศพแล้ว พบว่า มีข้อพิรุธ หลายอย่าง โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ตายถูกยิงทะลุผ่านหมอน กระสุนผ่านหน้าอกทะลุลงไปยังพื้นในที่นอน สภาพศพหมอระบุว่านอนตะแคง ส่วนตัวเป็นคนถนัดขวา แต่อาวุธปืนตกอยู่ทางซ้าย ประกอบกับผู้ตายนั้นยิงปืนไม่เป็น แต่ลักษณะการยิงดูคล้ายกับมือปืนอาชีพ อีกทั้งวันที่เกิดเหตุผู้ตายยังได้นัดกับแม่ว่าจะพาไปฟอกไตในช่วงตี 5 ทำไมต้องกินยานอนหลับด้วย นอกจากนี้ยังมีโทรศัพท์มือถือของผู้ตายหายไปด้วย จำนวน 1 เครื่อง และทราบอีกด้วยว่า มีการนำอาวุธปืนจากในที่เกิดเหตุเอาไปขาย และแจ้งว่าทำหายไปแล้วอีกด้วย
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ทำให้เสียชีวิต เชื่อว่า น่าจะเกิดจากคนใกล้ชิดของผู้ตายและพวกอย่างน้อย 2 ราย ที่ร่วมกันก่อเหตุ จึงมาร้องกองปราบให้รื้อคดีขึ้นมาใหม่ ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานเกือบ 2 ปีแล้วก็ตาม หากจะรื้อคดีนี้ก็สามารถทำได้ เพราะมีทั้งพยานหลักฐานและผลนิติเวชที่ครบถ้วนสมบูรณ์
ด้าน พญ.เอกอุรา กล่าวว่า ตนเชื่อว่า น้องสาวถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน โดยฝีมือคนสนิทของน้องสาวนั่นเอง เนื่องจากมีปัญหากันมาตลอดหลายปี ประกอบกับส่วนตัวแล้วน้องสาวก็ไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่จะทำให้ต้องมาฆ่าตัวตาย เพราะมีการวางแผนชีวิต และการทำงานไว้ โดยเตรียมที่จะย้ายลงไปทํางานที่ อ.เบตง จ.ยะลา เนื่องจากไม่อยากมีปัญหากับคนสนิท แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหายเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป