ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตั้ง 5 ข้อหาหนัก “ไอ้ทิพย์” พยายามข่มขืนสาวจีนก่อนชิงทรัพย์ ยอมรับวางแผนก่อนลงมืออ้างประสงค์ต่อทรัพย์เพราะต้องการหาเงินเล่นพนันออนไลน์ พบประวัติอาชญากรรมเพียบ
ภายหลังจากที่ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (20 ก.พ.) ตำรวจกองบังคับการสืบสวนภาค 2 ได้คุมตัวชายต้องสงสัยได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง หลังทีมสืบสวนไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายซึ่งก่อเหตุลวงสาวจีนไปข่มขืน พร้อมชิงทรัพย์เป็นเงินกว่า 15,000 บาทใช้ในการหลบหนี และนำตัวชายต้องสงสัยรายดังกล่าวมาให้ผู้เสียหายชาวจีนชี้ตัวซึ่งได้รับการยืนยันในทันทีว่าเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจริง ทราบชื่อคือ นายทิพย์ ภาศิริ อายุ 41 ปี
และ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ได้นำทีมชุดพนักงานสอบสวนเดินทางไปศาลจังหวัดพัทยา เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (21 ก.พ.) พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสอบปากคำ นายทิพย์ ผู้ต้องหาในคดีว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และยอมรับว่ามีการวางแผนก่อนลงมือ ส่วนกรณีการจุดไฟเผาป่านั้นยืนยันว่าไม่มีความประสงค์จะลงมือสังหาร หรือฆ่าปิดปาก แต่เป็นการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เช่น เสื้อผ้า และเอกสารสำคัญของผู้เสียหายเพื่อทำลายหลักฐาน
และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยต้องคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และคดีอาวุธปืน อีกทั้งยังเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2560 และได้เดินทางมาทำงานในพื้นที่ จ.ระยอง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้มักมีพฤติกรรมตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดบ้าง หลังพบว่าผู้ต้องหาใช้รถ 2 คัน ในการก่อเหตุ ซึ่งคันแรกเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีการแจ้งความหายไว้เมื่อปลายปี 2566 และจะมีรถยนต์กระบะเพื่อใช้ในการหลบหนี
ส่วนสาเหตุที่ผู้ต้องหาเลือกเหยื่อเป็นสาวจีนรายนี้ อ้างว่าเพราะประสงค์ต่อทรัพย์และยังให้การยอมรับว่าทรัพย์สินที่ได้ไปมีทั้งเงินสดไทยจำนวน 10,800 บาท และเงินสกุลหยวนอีกจำนวน 1,600 หยวน ซึ่งเงินสกุลหยวน เจ้าหน้าที่สามารถนำส่งคืนให้ผู้เสียหายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่าในโทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุมีการเล่นพนันออนไลน์ จึงได้ส่งตัวไปตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกายด้วยแต่ในเบื้องต้นยังไม่พบ
สำหรับการดำเนินคดีนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้ง 5 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย 1.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด และพาทรัพย์นั้นไป 2.พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
3.กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมีใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลนั้น
4.วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และ 5.หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยแต่ละข้อหามีโทษสูงสุดคือจำคุก 10-20 ปี
“ในส่วนการดูแลผู้เสียหายนั้น ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ดูแลและอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งฝากไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ขอให้เดินทางมาเป็นหมู่คณะ หรือกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากจะเกิดความปลอดภัยมากกว่า”
อีกทั้งการแยกออกมาเที่ยวตามลำพังอาจเกิดความเสี่ยง ทั้งในเรื่องของการสื่อสาร และความไม่ชำนาญเส้นทาง อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
และในเวลา 15.00 น. ยังได้มีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุภายในป่ากระถิน ริมถนนทางหลวงชนบท สาย 2081 (สนามโปโล-บ้านบึงห้วยใหญ่ ซึ่งผู้ต้องหาได้ชี้จุดและลำดับเหตุการณ์ขณะพาผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้ามาในป่า ก่อนที่ผู้เสียหายจะกระโดดลงจากรถและพยายามวิ่งหนี
แต่ผู้ต้องหาได้ใช้เชือกที่เตรียมมามัดมือมัดเท้า และพยายามข่มขืนแต่ทำไม่สำเร็จ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการชิงทรัพย์ หลังจากนั้นได้นำกระเป๋ารวมถึงเสื้อของผู้เสียหายไปเผา เพื่อทำลายหลักฐาน
นอกจากนั้น นายทิพย์ ภาศิริ ยังได้กล่าวขอโทษที่ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย และน้อมรับความผิดที่เกิดขึ้นทุกประการ
