นครศรีธรรมราช - ผ่านมา 10 ปีชีวิตทนทุกข์ “รปภ.สวนงูภูเก็ต” เหยื่อเหี้ยม “แก๊งตู้ห่าว” ถูกทำร้ายปางตาย กลายเป็นคนพิการ เจ้าตัวร้องขอความยุติธรรม แม่ย้ำความพิการนี้จะเป็นเครื่องยืนยันว่า “ข้าราชการไทย” ให้ความเป็นธรรมเขาไม่ได้
เหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย รปภ.สวนงู จ.ภูเก็ต ปางตาย และวางเพลิงเผาสวนงูในวันเดียวกัน เมื่อเดือนเมษายน 2555 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากครั้งนั้น คือ นายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.ของสวนงู ขณะเกิดเหตุอายุเพียง 24 ปี โดยมีการจับกุมผู้ต้องหาในชั้นแรก และให้การซัดทอด นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” และ พ.ต.ท.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ อดีตตำรวจท่องเที่ยว สองสามีภรรยาเป็นคนบงการ ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ท้องที่เกิดเหตุได้เชิญตัวนายตู้ห่าว และภรรยา มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานจ้างวานใช้และพยายามฆ่าผู้อื่น และใช้จ้างวานวางเพลิง เผาทรัพย์สินผู้อื่นในคดีดังกล่าว ก่อนที่อัยการจังหวัดภูเก็ต จะมีคำสั่งไม่ฟ้องในเวลาต่อมา
คดีข้างต้นผ่านมา 10 ปี ที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช นายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.ผู้เสียหายในคดีนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องรักษาตัวอย่างยาวนานที่บ้านเกิดหลังนี้ โดยมีพ่อและแม่เป็นกำลังสำคัญในการประคองชีวิต แม้ผ่านไป 10 ปีแล้ว แต่นายอนุชิต ยังต้องทนทุกข์ทรมานกับผลข้างเคียงจากการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง แม้บาดแผลหายต้องพิการอัมพฤกษ์ซีกซ้าย ไม่สามารถพูดได้เช่นปกติ ลำคอยังมีแผลจากการเจาะสอดเครื่องช่วยหายใจช่วยชีวิต ศีรษะยังเต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผล ส่งผลต่อการพูด การหายใจ เนื้อสมองบางส่วนหายไป ต้องใส่กะโหลกเทียม และจากผลพวงทั้งหมดนั้นต้องเข้าสู่ภาวะไตทำงานไม่ได้ พ่อต้องนำไปฟอกไตทุกวันเพื่อประคับประคองชีวิตให้ได้อยู่รอด
ขณะที่ นางยุพิณ และนายสมโชค ไชยทองงาม พ่อและแม่ของนายอนุชิต อยู่ในสภาพเคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดมา และมีความหวังอยู่บ้างกับเอกสารต่างๆ ที่ได้ยื่นไปหลายหน่วยงาน ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน ตำรวจภูธรภาค 8 สำนักนายกรัฐมนตรี ร้องขอความเป็นธรรมจากสำนักงานอัยการสูงสุด แต่ท้ายที่สุดได้รับคำตอบที่ทำให้สิ้นหวังกับระบบราชการ คือการยืนยันคำสั่งไม่ฟ้องคดี และให้คดียุติ
นายอนุชิต ไชยทองงาม อดีต รปภ.สวนงูที่เกิดเหตุ วันนี้มีอายุ 34 ปีแล้ว ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการเรื้อรัง แม้พูดไม่ได้มาก แต่อาการเหนื่อยล้าบอกว่าจำคนร้ายได้ 1 คนอย่างแม่นยำ ส่วนที่เหลือนั้นจำไม่ได้ เพราะเข้ามาทำร้ายจากด้านหลัง ถูกมัดมือมัดเท้า และถูกทำร้ายอย่างหนัก ร้องขอความยุติธรรมให้ตัวเขา ก่อนที่จะนิ่งเงียบไม่พูดต่อ ด้วยความอ่อนแรงจากหลายอาการรุมเร้า
นางยุพิน ไชยทองงาม แม่ของนายอนุชิต ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องดูแลนายอนุชิต ตลอดมาทั้ง 10 ปี หลังจากเกิดเหตุ ระบุว่า ที่ผ่านมาพยายามที่จะเข้าไปร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้ผลอะไร ความพิการของอนุชิต ที่อยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่แสดงให้ทุกคนในประเทศเราเห็นว่า นายอนุชิต ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนพิการ แต่ทว่าข้าราชการในประเทศเราไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับเขาได้ 10 ปีที่ผ่านมาต้องทนทุกข์ทรมาน มีคนพิการ 1 คนในบ้าน แต่ครอบครัวเราคือความพิการด้วยกันทั้งบ้าน 10 ปีมานี้ไปทุกที่ทุกแห่งที่เขาบอกว่าจะให้ความเป็นธรรมได้ แต่มันก็ไม่เคยได้ มา 5 ปีหลังบอกว่าจะรื้อคดีให้ ก็ต้องรอว่าจะได้แค่ไหน หลักฐานเขาก็มี ถ้ารื้อคดีได้เขาฟ้องเอาผิดคนนั้นได้ แม้นายอนุชิต จะไม่ได้หายพิการ เขาจะได้รับความเป็นธรรม และชีวิตเขาจะได้ไปสิ้นสุดตามเวลาของเขา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ครอบครัวของนายอนุชิต ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นหลายส่วน ทั้งเรื่องของการทำคดี หลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เชื่อว่ามีอยู่ไม่ครบถ้วน สูญหายไปบางส่วน และอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้มีความหวังที่ริบหรี่แล้ว แต่ยังพยายามที่จะต่อสู้กับชีวิตเพื่อดูแลนายอนุชิต อย่างเต็มที่ และให้ถึงที่สุด