เพชรบูรณ์ - ชาวม้งเจ้าของรีสอร์ตภูทับเบิกโดนข้อหาก่อสร้างรุกป่าอุทยานฯ ห่าง “ผาหัวสิงห์” แค่ไม่กี่เมตร ฮือขวางทัพ จนท.รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ยันอยู่/ทำกินมาตั้งแต่เกิด-เชื่อเป็นเขตนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา
กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ นับร้อยนาย พร้อมด้วยชุดติดอาวุธปืนยาว-อุปกรณ์เครื่องมือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตสวนสวรรค์ภูทับเบิก และกู๊ดวิว-ฮอตวิว 2 รีสอร์ตดังบนภูทับเบิก อ.หล่มเก่า หลังก่อสร้างที่พักตากอากาศบุกรุกเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ และทางอุทยานฯ เขาค้อได้ติดป้ายประกาศแจ้งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วัน แต่เจ้าของรีสอร์ตไม่ดำเนินการ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการรื้อถอนตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ. 2562 มาตรา 35
ซึ่งระหว่างที่คณะ จนท.จะเดินทางขึ้นไปบนยอดผา มีชาวบ้านจำนวนมากถือป้ายประกาศเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลขวางกั้น ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นสองชุด ชุดแรกเจรจาอยู่ด้านหน้า ชุดที่สองอ้อมไปด้านหลัง ขณะที่ชาวบ้านก็แบ่งบางส่วนขึ้นไปสกัดด้านหลังด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ได้พยายามชี้แจงว่ามาดำเนินการตามอำนาจศาลสั่ง พร้อมนำเอาคำพิพากษาคดีที่สิ้นสุดเมื่อปี 2560 มาอ่านให้ชาวบ้านฟัง แต่ชาวบ้านยืนยันว่าคดีดังกล่าวได้รื้อถอนตามคำสั่งศาลจบไปแล้ว ดังนั้นชาวบ้านไม่ยินยอมพร้อมกับให้เจ้าหน้าที่แสดงหมายศาลให้ชัดเจน
พร้อมกันนี้ กลุ่มชาวบ้านได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นใหม่ก็ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแจ้งดำเนินคดีแล้วเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 และขั้นตอนของคดีอยู่ระหว่างเตรียมร้องศาลปกครอง ภายใน 90 วันตามสิทธิ์ จึงเรียกร้องขอให้ใช้กระบวนการทางศาล และเมื่อมีการตัดสินมาก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ
การเจรจายาวนานกว่า 7 ชั่วโมงไม่เป็นผลดังนั้นจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายปะทะผลักดันกันเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน จนทำให้บางช่วงหวิดเกิดเหตุรุนแรง แต่ในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ได้ถอนกำลังกลับในเวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ชุดที่สองได้ทำการปักแนวเขตพร้อมติดป้ายประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เรียบร้อยแล้ว
ด้านนายธีรวัฒน์ แซ่เถา อดีต อบต.ซึ่งเป็นสามีของผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา กล่าวว่าพื้นที่บริเวณนี้ตนมีหลักฐานว่าไม่ใช่เป็นพื้นที่เขตอุทยานฯ และพวกตนได้ทำกินมาตั้งแต่ดั้งเดิม และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการแจ้งว่าเป็นเขตอุทยานฯ เพราะเป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ดังนั้นวันนี้เจ้าหน้าที่อย่าเพิ่งมารื้อขอให้กลับไปก่อนเพื่อรอพิสูจน์แนวเขตอย่างชัดเจนก่อน เพราะตนเข้าใจว่าอยู่ในนิคมสร้างตนเองมาตั้งแต่เกิด ไม่รู้ว่ากลายมาเป็นพื้นที่ของอุทยานไปตั้งแต่ตอนไหน
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ชุดปฏิบัติการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และฝ่ายปกครอง เคยนำแผนที่ระบุแนวเขตเปรียบเทียบกับแนวการก่อสร้าง ด้านทิศใต้ของ “ผาหัวสิงห์”
พบว่ามีการบุกรุก สร้างรีสอร์ตสวนสวรรค์ภูทับเบิก ที่อยู่ห่างหน้าผาหัวสิงห์ เข้ามาประมาณ 3-4 เมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ ด้านบนก้อนหินทำเป็นบันไดขึ้นไปชมวิวได้ 360 องศา ต่อจากก้อนหินใหญ่ตลอดแนวหน้าผาเชื่อมต่อจากผาหัวสิงห์ ความยาวประมาณ 200 เมตร มีการก่อสร้างอาคารที่พักรุกล้ำเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ประกอบด้วย อาคารถาวรทำด้วยคอนกรีต หลังคามุงด้วยเมทัลชีต ด้านหน้าผาทำเป็นกระจก จำนวน 4 หลัง และมีฐานกางเต็นท์ริมหน้าผา รวม 4 หลัง เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 69 ตารางวา
ส่วนแห่งที่สอง คือ กู๊ดวิว ฮอตวิว ภูทับเบิก อยู่ริมหน้าผาด้านทิศใต้ ห่างจากผาหัวสิงห์ประมาณ 4-5 เมตร มีการปรับพื้นที่ทำเป็นลานกางเต็นท์ยาวประมาณ 60 เมตร รวมเนื้อที่บุกรุก 2 งาน 82 ตารางวา และได้มีการไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หล่มเก่าเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 แล้ว