เพชรบูรณ์ - "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานฯ" นำทับ จนท.ขึ้นภูทับเบิก ลุยรื้อ 2 รีสอร์ตดังรุกเขต อช. เจอกลุ่มมวลชนชาวม้งฮือขวาง-ประกาศไม่ยอมรับแนวเขตอุทยานฯ เจรจากันนานกว่า 7 ชั่วโมงไม่สำเร็จจนต้องถอนกำลังออก พร้อมสั่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกลุ่มคนขวาง จนท.ให้หมด
วันนี้ (22 ม.ค. 67) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ นำคณะเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมราว 100 นาย ลงพื้นที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตสวนสวรรค์ภูทับเบิก และกู๊ดวิว-ฮอตวิว 2 รีสอร์ตดังบนภูทับเบิก อ.หล่มเก่า
หลังก่อสร้างที่พักตากอากาศบุกรุกเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ และทางอุทยานฯ เขาค้อได้ติดป้ายประกาศแจ้งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วัน แต่เจ้าของรีสอร์ตไม่ดำเนินการ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการรื้อถอน ตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ. 2562 มาตรา 35
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่นายชัยวัฒน์นำกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตสวนสวรรค์ภูทับเบิก หมู่ 8 บ้านดินน้ำเพียงดิน ต.บ้านเนิน ปรากโว่าได้มีกลุ่มชาวม้งกว่า 30 คนเข้ามาต่อต้านขัดขวางไม่ยอมเปิดทางให้นายชัยวัฒน์พร้อมเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอน โดยพยายามโต้แย้งอ้างไม่ได้บุกรุกเขตอุทยานฯ เขาค้อ และไม่ยอมรับการปักแนวเขตของทางอุทยานฯเขาค้อ รวมทั้งให้รอผลการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดหล่มสักก่อน
นายชัยวัฒน์ได้เจรจาต่อรอง พร้อมนำคำพิพากษาศาลหล่มสัก ที่รีสอร์ตดังกล่าวถูกจับกุมดำนินคดีในรอบแรกขึ้นแจ้งให้กลุ่มชาวม้งได้รับฟังว่า เมื่อปี 2560 ศาลหล่มสักมีคำตัดสินพิพากษา 2 รีสอร์ต สั่งลงโทษจำเลยจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 2,500 บาท โทษจำให้รอลงอาญา 1 ปี นอกจากนี้สั่งให้จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เกิดเหตุ
แต่ทั้งนี้กลุ่มชาวม้งยังยืนกรานไม่ยอมเปิดทางให้ กระทั่งมีการเจรจาเงื่อนไขให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พร้อมฝ่ายปกครองขึ้นไปบริเวณที่ดินที่เกิดข้อพิพาท โดยให้ผู้ประกอบการและตัวแทนกลุ่มชาวม้งนำชี้แนวเขตแต่ไม่สำเร็จ การเจรจาผ่านไปราว 7 ชั่วโมง นายชัยวัฒน์จึงสั่งการถอนกำลังออกจากพื้นที่ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจะดำเนินคดีต่อผู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในภายหลัง
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ทางเราพยายามเจรจาต่อรอง แต่กลุ่มผู้ต่อต้านราว 30 คน อ้างไม่ได้บุกรุกเขตอุทยานฯ และไม่เชื่อหลักฐานแนวเขตอุทยานฯ ไม่ยินยอมเปิดทางให้คณะเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอน ตาม พ.ร.บ.อุทยาน พ.ศ. 2562 มาตรา 33 ตนจึงเจรจาจะไม่รื้อถอน แต่ให้เปิดทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และฝ่ายปกครองขึ้นไปชี้แนวเขต แลกเปลี่ยนเงื่อนไขที่ชาวม้งกลุ่มนี้ได้ยื่นข้อเสนอให้นำเจ้าหน้าที่อีกชุดที่อยู่ด้านบนลงมา สุดท้ายการเจรจาไม่สำเร็จ
"อย่างไรก็ตาม กำลังเจ้าหน้าที่อีกทีมขึ้นไปรื้อสิ่งปลูกสร้างของอีกรีสอร์ตได้สำเร็จ ส่วนสิ่งปลูกสร้างของรีสอร์ตสวนสวรรค์ภูทับเบิกไม่สามารถรื้อถอนได้ เนื่องจากมีกลุ่มชาวม้งอีกจำนวนหนึ่งขึ้นไปขวางการรื้อถอน และเมื่อรื้อถอนไม่ได้ก็จะรายงานไปว่าได้ปฏิบัติตามมาตรา 33 แล้วแต่ไม่สำเร็จ เพื่อเจ้าหน้าที่จะไม่โดนข้อหาตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่"
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ตนได้เรียกประชุมคณะเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยให้เจ้าหน้าที่รวบรวมคลิปวิดีโอทั้งหมด เพื่อจะได้ดำเนินคดีต่อผู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หากพบการกระทำเข้าข่ายให้แจ้งความดำเนินคดีทั้งหมด
"ส่วนกรณีที่มีการนำรถยนต์มาปิดขวาง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ต่อหน้ากลุ่มชาวม้ง โดยให้ถอดล้อหน้ารถออก และให้นำรถลากจูงลากลงมาที่ สภ.หล่มเก่า พร้อมประกาศรับผิดชอบคดีนี้เอง หากใครต้องการจะฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ สุดท้ายก็มีชาวม้งวิ่งไปรีบนำรถยนต์ที่กีดขวางออก" นายชัยวัฒน์กล่าว