xs
xsm
sm
md
lg

ผกก.ยันล่อซื้อ “รอง สว.ปป.” ค้ายา หลักฐานแน่น หลังเจ้าตัวโต้โดนจัดฉากจับคาโรงพัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครสวรรค์ - ผู้กำกับการ สภ.หนองปลิงยันล่อซื้อ-จับกุม “รอง สว.ปราบปราม” ฐานค้ายาคาโรงพักหลักฐานแน่น-ไม่มีจัดฉาก หลังเจ้าตัวประกันตัวสู้คดี ระบุถูกกลั่นแกล้ง ชี้เงินล่อซื้อเป็นเงินสาย ตร.มาใช้หนี้-ยาบ้าของกลางไม่รู้มาจากไหน


กรณีการล่อซื้อ-จับกุม ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ อายุ 55 ปี รองสารวัตรฝ่ายปราบปราม สภ.หนองปลิง อ.เมืองนครสวรรค์ ลักลอบค้ายาบ้าบริเวณข้างโรงพักที่ตนเองสังกัดอยู่ คาเครื่องแบบ พร้อมของกลางยาบ้ารวม 82 เม็ด เงินสดของกลางล่อซื้อ 1,000 บาท

ด้าน ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ระบุเหตุที่ต้องมาเป็นนักค้ายาบ้าเนื่องจากเสพติดมานาน ต้องการหาเงินมาซื้อเสพ และเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงผันตัวเป็นเอเยนต์รายย่อย และใช้สถานที่บริเวณโรงจอดรถของกลางด้านข้างโรงพักเป็นสถานที่ขายมาแล้วหลายครั้ง เพราะรู้สึกถึงความปลอดภัยทั้งแก่ตนเอง และลูกค้าผู้เสพที่เดินทางมาซื้อนั้น

เรื่องดังกล่าวเหมือนจะจบลงไปแล้ว แต่กลับมีการนำเสนอข่าว พร้อมกับเสียงสัมภาษณ์ของ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ออกมาเปิดเผยกับสื่อช่องหนึ่งระบุว่า ถูกกลั่นแกล้ง และมีการจัดฉากให้เจ้าตัวต้องตกเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติด โดยบอกว่าวันที่ถูกจับกุม พร้อมกับถูกยึดเงินของกลางได้นั้น เป็นเงินที่สายของตำรวจนำมาใช้หนี้ที่เคยถูกยืมไป

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังโรงพัก สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อีกครั้ง ก็พบว่า ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับในคดีค้ายาเสพติดยังคงใส่เครื่องแบบมาทำงานตามปกติ แต่อยู่ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรหน้าห้องขังเพียงเท่านั้น จึงได้เข้าไปสอบถามเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์สื่อช่องดังกรณีที่เจ้าตัวอ้างว่าถูกใส่ร้าย ซึ่งก็ได้รับคำตอบยืนยันจากเจ้าตัวว่าเป็นเรื่องจริง

ร.ต.ต.สุทธิรัตน์กล่าวยอมรับว่ารู้จักกับคนที่เป็นสายล่อซื้อยาให้ตำรวจชุดที่จับกุมจริง โดยสายรายนี้เป็นสองผัวเมีย ชื่อนายบอย และนางมุ่ย เคยมายืมเงินตนไปจำนวน 1,500 บาทเพื่อนำไปลงทุนซื้อถ่านหุงต้มมาขาย จึงได้ให้ยืมไป ก่อนจะนัดคืนเงินกันเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา แล้วจึงถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดฯ ร่วมกับชุดสืบ สภ.หนองปลิง เข้าจับกุม

ยืนยันว่าเรื่องที่ตนค้ายานั้นไม่เป็นความจริงเลย เพราะตอนจับก็ไม่พบยาบ้าที่ตัว และตอนไปค้นที่ห้องพักเขาก็ไม่มีการนำตนเข้าไปร่วมตรวจค้นด้วย จึงไม่รู้ว่ายาบ้าที่เขายึดแล้วอ้างว่าเป็นของตนนั้นเขาเอามาจากไหน มันไม่ใช่ของตน ของกลางที่เขาค้นเจอในตัวก็มีแค่เงิน 1,000 บาทที่ได้จากการใช้หนี้เท่านั้น ไม่เจอยาบ้าที่ตัวของตนสักเม็ด

“เครียดมาก ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมเลย เพราะนอกจากจะถูกกล่าวหาว่าค้ายาแล้ว ยังต้องถูกยึดอาวุธปืน และรถยนต์ที่ต้องใช้ทำงานทุกวันด้วย และตั้งแต่วันที่ถูกจับก็แทบจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง”

เมื่อถามถึงเรื่องการตรวจปัสสาวะเจอว่ามีการเสพสารเสพติด ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ก็ยังยืนยันว่าฉี่นั้นไม่ได้เป็นของตน และไม่รู้ว่าเขาไปเอาของใครมา แต่ยอมรับว่าในอดีตเคยมีประวัติซื้อยามาเสพตั้งแต่สมัยปี 2540 แต่ก็ได้เลิกไปนานแล้ว ส่วนสาเหตุที่ตนถูกจับกุมค้ายา ตนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งก็อาจจะมีตำรวจบางนายไม่ค่อยชอบขี้หน้าตน และตนมองว่าเล่นกันครั้งนี้มันรุนแรงแทบฆ่ากันตายทั้งเป็นเลยทีเดียว จึงต้องประกันตัวออกมาสู้คดีก่อนจะมาเผยต่อสื่อเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสาเหตุที่ทำให้ถูกกลั่นแกล้ง ร.ต.ต.สุทธิรัตน์กลับบอกว่านึกไม่ออก จึงถามต่อว่าเคยไปทำคดีจับใคร หรือไปปฏิบัติหน้าที่เกินหน้าเกินตาหรือไม่ เจ้าตัวบอกเพียงแค่ว่าไม่รู้ ส่วนเรื่องคลิปที่ปรากฏว่า ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ยกมือไหว้ผู้บังคับบัญชาเพื่อขอให้ช่วยนั้น ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ระบุว่า ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะสถานการณ์มันกดดัน และตนหลวมตัวตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว จากนั้นเจ้าตัวก็รีบขอตัวออกเวรไปจากโรงพักทันที โดยพบว่า ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ใช้รถจักรยานยนต์ขี่กลับบ้านพักในพื้นที่ ต.น้ำทรง อ.พยุหะคีรี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม พ.ต.อ วิริยะบัณฑิตย์ สถิตย์สุุชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง ก็ได้รับการยืนยันว่า ร.ต.ต.สุทธิรัตน์มีพฤติกรรมค้ายาบ้าจริง เนื่องจากก่อนจะมีการจับกุมทางตำรวจได้จับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่หลายราย ต่างก็มีการซัดทอดว่ารับยาบ้ามาจาก ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ จึงเป็นที่มาของการสืบสวนขยายผล กระทั่งมีการวางแผนและล่อซื้อจับกุม ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้งตามที่ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ได้กล่าวอ้าง และการจับกุมในวันนั้นทางตำรวจก็มีหลักฐานคลิปภาพตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมด ยืนยันว่าทำตามหลักกฎหมายหมดทุกอย่าง ไม่มีการกลั่นแกล้ง

ส่วนเรื่องที่ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ยังคงมาทำงานปฏิบัติหน้าที่ตามปกตินั้น เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการรออนุมัติให้เจ้าตัวออกจากราชการ ประกอบกับ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ได้ประกันตัวออกมาสู้คดีด้วย จึงทำให้เขายังคงมาทำงานได้ตามปกติ แต่ตนก็ได้สั่งการให้ไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาหน้าห้องขังเท่านั้น และเจ้าตัวไม่มีการพกอาวุธปืนมาทำงานแต่อย่างใด เนื่องจากในวันจับกุมได้มีการยึดอาวุธ และรถยนต์ของเจ้าตัวไว้ตรวจสอบเป็นหลักฐานในคดี

ล่าสุดก็ได้มีการรับรายงานจากสายที่ล่อซื้อยากับ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ในวันนั้นว่าได้ถูกโทรศัพท์โทร.ไปข่มขู่ คุกคาม และบังคับเพื่อให้สายลับกลับคำให้การในทำนองว่าเป็นการนัดเจอเพื่อใช้หนี้กัน เพื่อหวังจะให้หลุดพ้นในคดียาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มีการสั่งให้เฝ้าจับตาดูพฤติกรรมของ ร.ต.ต.สุทธิรัตน์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับคอยตรวจตราเพื่อคุ้มครองพยานในคดีนี้แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น