xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ผลิตไวน์ดังเขาใหญ่ผวา! มติ ครม.ยกเว้นภาษีนำเข้า ทำไวน์ยุโรปทะลักตีตลาดไวน์ไทยอ่วม วอนรัฐช่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ผลิตไวน์ดังเขาใหญ่ “กราน-มอนเต้ เขาใหญ่” ผวามติ ครม.ยกเว้นภาษีนำเข้าไวน์ต่างประเทศ ทำไวน์ยุโรปทะลักตีตลาดไวน์ไทยอ่วม ชี้ผู้ผลิตไทยสู้ไม่ได้ เหตุเขามีเทคโนฯ สูง สเกลใหญ่และต้นทุนต่ำกว่ามาก วอนรัฐออกมาตรการช่วยเหลือลดต้นทุนผลิต และปลดล็อกกฎหมายเป็นอุปสรรคในการแข่งขัน

 ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 67 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงสร้างภาษีสรรพสามิตและภาษีนำเข้าศุลกากรสินค้าประเภทไวน์ และปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราชุมชน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะภาษีสรรพสามิตไวน์องุ่น ซึ่งอัตราภาษีเดิม คิดภาษี 2 ชั้น คือชั้นที่ 1 คิดตามมูลค่า 10% (เกิน 1,000 บาท), ตามปริมาณ (บาท/ลิตร/100 ดีกรี) 1,500 บาท ชั้นที่ 2 คิดตามมูลค่า 0% (ไม่เกิน 1,000 บาท), ตามปริมาณ (บาท/ลิตร/100 ดีกรี) 1,500 บาท แต่อัตราภาษีใหม่ คิดอัตราเดียว ตามมูลค่า 5%, ตามปริมาณ 1,000 บาทนั้น


ล่าสุด น.ส.สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท กราน-มอนเต้ จำกัด ผู้ประกอบการไร่องุ่นและผลิตไวน์องุ่น ยี่ห้อกราน-มอนเต้ เขาใหญ่ (GranMonte Vineyard and Winery) ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า กรณีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่นี้ หากมาคิดคำนวณดูแล้วจะพบว่าไวน์ที่มีราคาย่อมเยา ไม่เกินขวดละ 1,000 บาท จะได้ส่วนลดภาษีน้อยมาก เมื่อเทียบกับไวน์ที่มีมูลค่าสูงเกินกว่า 1,000 บาทขึ้นไป

น.ส.สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ผอ.ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท กราน-มอนเต้ จำกัด ผู้ประกอบการไร่องุ่นและผลิตไวน์องุ่น ยี่ห้อกราน-มอนเต้ เขาใหญ่
ในส่วนของบริษัทกราน-มอนเต้ จำกัด มีการผลิตไวน์ราคาต่ำกว่า 1,000 บาทเป็นสัดส่วนที่มากกว่าไวน์ราคาสูง ทำให้สัดส่วนที่ได้รับประโยชน์จากการลดภาษีไม่มากนัก แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราเรียกร้องมานานแล้วเรื่องการขอลดภาษีไวน์องุ่น เพียงแต่ว่าส่วนที่ดีนี้หากมองในภาพใหญ่ระดับประเทศ จะพบว่ามีข้อน่ากังวลอยู่มากกว่า เนื่องจากการปรับอัตราภาษีใหม่นี้ มีการยกเว้นภาษีนำเข้าไวน์จากต่างประเทศด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วก็มีไวน์ต่างประเทศที่มีการทำ FTA กับไทย ไม่ต้องเสียภาษีการนำเข้าอยู่แล้วหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และชิลี เป็นต้น ซึ่งไวน์จากประเทศเหล่านี้ไม่ได้รับผลใดๆ จากการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่จะได้เพียงการลดภาษีสรรพสามิตเท่านั้น


แต่ไวน์ที่มาจากประเทศในโซนทวีปยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และโปรตุเกส เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไวน์ที่มีมูลค่าสูง ที่เดิมทีต้องเสียภาษีนำเข้าสูงประมาณ 50-60% ของราคา แต่เมื่อมีการยกเว้นภาษีนำเข้าก็จะได้รับประโยชน์เต็มๆ และยังได้รับการลดภาษีสรรพสามิตอีกเป็นสองเด้ง กรณีนี้ทำให้ผู้ประกอบการผลิตไวน์ในประเทศไทยรู้สึกวิตกกังวลมาก เพราะกลัวว่าไวน์จากกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปจะทะลักเข้ามาขายในประเทศไทยจำนวนมาก จนทำให้ผู้ผลิตไวน์ในประเทศไทยสู้ไม่ได้ เนื่องจากเขามีเทคโนโลยีสูง ได้สเกลใหญ่และมีต้นทุนต่ำกว่าเรามาก


ทั้งนี้เพราะอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ในประเทศไทยมีอยู่ไม่กี่รายที่ปลูกองุ่นเอง อย่างเช่นที่ไร่องุ่นกราน-มอนเต้ เขาใหญ่ ซึ่งปลูกองุ่นเอง ผลิตไวน์เองทุกกระบวนการ แต่ต้นทุนการปลูกองุ่นสูงขึ้นทุกปี จากการปรับขึ้นราคาค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าแรง แต่รัฐบาลกลับประกาศการยกเว้นภาษีนำเข้าไวน์ต่างประเทศทันที โดยที่ไม่ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือผลกระทบผู้ผลิตไวน์ในประเทศเลย


นอกจากการช่วยเหลือด้านต้นทุนการผลิตแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องของข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ผลิตไวน์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ โดยเฉพาะกฎหมายเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ ซึ่งหลายประเทศไม่ได้มีการกีดกันอะไรมากเหมือนประเทศไทย บางประเทศมีการส่งเสริมกันด้วยซ้ำ เช่นญี่ปุ่น ที่เรานำมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำสินค้าโอทอปของไทย ซึ่งเขามีการโปรโมตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของแต่ละชุมชนอย่างเปิดเผย ไม่มีการกีดกันเหมือนไทย

“ดังนั้นทำให้ตอนนี้ภาพรวมจากการยกเว้นภาษีนำเข้าไวน์ต่างประเทศ เราจะได้ไม่คุ้มเสีย” น.ส.สุวิสุทธิ์กล่าว


















กำลังโหลดความคิดเห็น