xs
xsm
sm
md
lg

งง! สโลแกนการประปานครหลวง “ประปาดื่มได้” ไฉนดื่มไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ส.ส.กุ๊ก ภท.กาญจน์ ร่วมประชุมถกงบประมาณ งง! สโลแกนการประปานครหลวง “ประปาดื่มได้” ไฉนดื่มไม่ได้ พร้อมตั้งข้อสังเกต “โครงการผลิตน้ำมหาสวัสดิ์” ขนาด 8 แสนคิว บริษัทประมูลได้แต่กลับไม่ได้งาน ส่วนต่างกว่า 300 ล้านบาท

วันนี้ (4 ม.ค.) นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน หรือ ส.ส.กุ๊ก ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย เขต 3 ได้กล่าวขณะถกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภาว่า ตั้งแต่เมื่อวานมาจนถึงวันนี้ผมรู้สึกดีใจที่พี่น้องในสภาอันทรงเกียรติที่มีทั้ง ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีสิ่งที่อภิปรายในเรื่องที่ผมมองว่าเป็นเรื่องใหญ่และได้ติดตามมาโดยตลอดตั้งแต่เป็น ส.ส.สมัยที่แล้วมาจนถึงสมัยนี้ นั่นคือเรื่องของกระทรวงมหาดไทย เรื่องแรกที่ผมติดตามมาโดยตลอดคือปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยคือเรื่องการออกเอกสารสิทธิ หรือออกโฉนดให้พี่น้องประชาชน ปัญหาต่างๆ ท่านสมาชิกในหลายพรรค รวมทั้งฝ่ายค้านได้มีการพูดถึงปัญหาเรื่องที่ดินทำกินเช่นกัน
 
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ตนได้เปิดในเรื่องส่วนของงบประมาณดูว่าในปีนี้เป็นที่น่ายินดีคือกรมที่ดินได้งบประมาณเพิ่มขึ้นมากถึง 7,229 ล้านบาท จากงบประมาณปี 2566 ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 9.58% แต่ในส่วนที่บอกว่าน่ายินดีนั้นเป็นเพราะว่ามันดีกว่าที่จะไม่ได้งบประมาณเพิ่มขึ้นมาเลย ขณะเดียวกัน ปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนคือเขาต้องการเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินที่เขามีอยู่
 
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวันนี้ประเทศไทยของเราเป็นประเทศเกษตรกร ซึ่งถือว่าเป็นส่วนใหญ่ของประเทศที่จะต้องใช้เงินในการลงทุน เมื่อไม่มีเงินลงทุนที่ดินของเกษตรกรจะตกเป็นเหยื่อของนายทุน เพราะการที่นายทุนจะมาลงทุนให้เกษตรกรก่อนนั้น จะต้องจ่ายทั้งค่ายา ค่าปุ๋ย รวมทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ อีกทั้งจะต้องมีการเคลียริ่งเป็นค่าเริ่มต้นก่อนการดำเนินการ ซึ่งนายทุนล้วนจะต้องบวกค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปด้วย
 
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องจริงซึ่งตนมั่นใจว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ในสภาอันทรงเกียรตินี้รับรู้และสัมผัสได้ มันจึงเป็นส่วนที่จำเป็นเกี่ยวกับเรื่องเอกสิทธิ์ในที่ดินทำกินนอกจากตกเป็นเหยื่อของนายทุนแล้ว ซ้ำร้ายไปกว่านี้ประชาชนยังตกเป็นเหยื่อรัฐในข้อหาบุกรุกที่ดินของหลวง ดังนั้น จึงขอฝากไปถึงผู้บริหารประเทศในการพิจารณาเพิ่มงบประมาณให้กรมที่ดินด้วย
 
 “อีกหนึ่งเรื่องคือสิ่งที่ได้สัมผัสมากับตัวผมเองจากการที่เป็น ส.ส.ในสมัยที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกัน แต่อยู่ในส่วนของเรื่องน้ำกินน้ำใช้ หรือน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค คือการประปาส่วนภูมิภาค ที่มีสโลแกนว่า “น้ำคือชีวิต” ในส่วนของการประปานครหลวง มีสโลแกนอยู่เช่นเดียวกันว่า “ประปาดื่มได้” ซึ่งการประปานครหลวงนั้นมีแค่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนตัวผมมีที่อยู่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เช่นกัน แต่ยังไม่เห็นว่าน้ำประปานั้นจะดื่มได้ตามสโลแกนของการประปานครหลวงเลย”

ตนขอพูดเกี่ยวกับเรื่องน้ำประปาในส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรีที่เป็นบ้านของผมก่อน ปีนี้ พ.ศ.2567 ผมทราบมาว่าความต้องการงบประมาณของประปาส่วนภูมิภาคทั้งประเทศ ที่บุคลากรของการประปาภูมิภาคมีนั้น มีศักยภาพที่สามารถจะทำได้และงบประมาณตั้งใจจะขอมาโดยประมาณที่ 1 หมื่นล้านบาท ที่ผมรู้ข้อมูลเพราะผมเป็น ส.ส.มาแล้วถึง 4 ปี แต่งบประมาณปีละ 1 หมื่นล้านบาทนั้นสามารถนำไปใช้ได้เพียงแค่ 2.3 แสน ครัวเรือนเท่านั้น
 
แต่ในปีที่ผ่านมาการประปาส่วนภูมิภาคได้รับงบประมาณสนับสนุนเพียงแค่ปีละ 3 พันล้านบาท ตนได้ถามในส่วนของการประปาภูมิภาคว่า งบ 3 พันล้านบาทที่ได้มานำไปใช้แก้ไขปัญหาให้ประชนตามแผนที่วางเอาไว้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้คำตอบว่าได้เพียงแค่ 20% เท่านั้น ขอยกตัวอย่างเช่นพื้นที่ตำบลดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งทาง อบต.เขาต้องการยกโครงสร้างประปาของหมู่บ้านที่อยู่ในการกำกับของ อปท.ให้การประปา ซึ่งการประปาอยากจะรับแต่ปรากฏว่าการประปาส่วนภูมิภาคไม่มีงบประมาณ เรื่องนี้ผมเคยพูดในสภามาแล้วถึง 4 ปี แต่มาได้งบประมาณในปีสุดท้ายเพียง 40 กว่าล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ตำบลดอนตาเพชร ได้ทำเพียงแค่การขยายท่อส่งน้ำประปาไปบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ริมถนนเท่านั้น แต่การขยายต่อเข้าไปภายในหมู่บ้านไม่มีงบประมาณ จึงทำให้ผมเข้าใจถึงงบประมาณที่การประปาได้รับ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนความต้องการของประชาชนได้
 
ดังนั้น เรื่องนี้ผมจึงขอฝากไปถึงรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยว่าถ้าจะทำทั้งทีขอทำให้จบไปเลย และล่าสุดผมได้ดูแผนงบประมาณว่าในพื้นที่ตำบลดอนตาเพชร อ.พนมทวน จะได้งบประมาณเพื่อนขยายท่อประปาให้ครบทั้งหมู่บ้านและตำบลหรือไม่ ผลปรากฏว่าไม่มี ผมจึงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
 
ภาพรวมของการประปาในปีที่ผ่านมาได้งบประมาณเพียงแค่ 3 พันล้านบาทต่อปี แต่การประปาสามารถสร้างรายได้ให้การประปาถึงปีละ 3 พันกว่าล้านบาทเช่นเดียวกัน นั่นหมายถึงว่าลงทุน 100 บาทได้คืน 100 บาท แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมลงทุนเพิ่ม ซึ่งกำไรที่การประปาได้มาส่งคืนให้เป็นรายได้ของประเทศ 50% หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท

ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลมาลงทุนเพิ่มเพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้แล้ว เงินที่ได้มาก็ไม่ได้หายไปไหน ภาษีของพี่น้องประชาชนถูกส่งกลับมาให้เป็นรายได้ของประเทศถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อีก 50 เปอร์เซ็นต์การประปาสามารถนำมาเป็นทุนตั้งต้นในการลงทุนต่อไปได้อีก นี่คือเรื่องของการประปาส่วนภูมิภาค
 
ในส่วนของการประปานครหลวง ตนไปเห็นช่องงบประมาณของการประปานครหลวงแล้วรู้สึกตกใจ เพราะการประปานครหลวงของบประมาณมาเพียงแค่ 29 ล้านบาทเท่านั้น ผมว่ามีจำนวนที่น้อยที่สุด น้อยกว่าที่ อบต.บ้านผมของบประมาณมาเสียอีก ผมจึงเกิดความสงสัยว่า การประปานครหลวงน่าจะมีรายได้เยอะ ซึ่งก็เยอะจริงๆ
 
งบประมาณในส่วนของการประปานครหลวงหลังหักกำไรออกไปแล้วยังจะมีการส่งไปสมทบให้เป็นรายได้ของรัฐอีก 1 พันกว่าล้านบาท ในขณะที่มีงบตกผลึกอยู่ถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งผมรู้สึกดีใจที่การประปานครหลวงไม่ได้มาเบียดบังเอางบประมาณของประเทศชาติ
 
แต่บังเอิญผมเป็น ส.ส.ที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ จึงเคยได้ยินและได้ฟังว่า โครงการประปาที่ผมที่ยินมาและได้ตั้งข้อสังเกตเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน คืองบประมาณการก่อสร้างของการประปานครหลวงนั้นมีอยู่โครงการหนึ่งชื่อว่า “โครงการผลิตน้ำมหาสวัสดิ์” ขนาด 8 แสนคิว
 
ผมงงว่าบริษัทที่ประมูลงานได้อันดับที่ 1 คือประมูลในราคาต่ำสุดกลับไม่ได้งานที่ประมูล แต่บริษัทที่ได้กลับเป็นบริษัทที่ประมูลในราคาที่ไม่ต่ำสุด ส่วนต่างห่างกันกว่า 300 ล้านบาท เมื่อผมเห็นตัวเลขส่วนต่างซึ่งมันเป็นภาษีของพี่น้องประชาชนที่ไม่ใช่เฉพาะคนกรุงเทพฯ แต่เป็นภาษีของคนทั้งประเทศไทย
 
จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมบริษัทที่ประมูลในราคาต่ำที่สุดถึงไม่ได้งานประมูล นี่คือข้อสังเกตของผม และหากเป็นไปได้ขอให้เอาการประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวงนำมารวมกันได้หรือไม่เพื่อให้เป็นการประปาแห่งประเทศไทย เพราะในส่วนภูมิภาคยังคงต้องการใช้งบประมาณในการนำไปแก้ไขตามสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการน้ำที่สะอาดและดื่มได้

กำลังโหลดความคิดเห็น