นครพนม- ฆ่าโหดส่งท้ายปี มือปืนจ่อยิงหัว 2 ศพเป็นหนุ่มลาววัย 33 ปีและสาวใหญ่ชาวไทยอายุ 50 ปีคาปั๊มน้ำมัน โดยไม่แตะเงินในกระเป๋าคาดเอวผู้ตายที่มีร่วม 3 หมื่นบาทแม้แต่บาทเดียว จนท.เร่งเช็คกล้องวงจรปิดล่าตัว
เมื่อ เวลา 22.15 น. คืนที่ผ่านมา( 29 ธ.ค.) ร.ต.อ.ทิชานนท์ ปลื้มสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิตที่ปั๊มน้ำมันแหลมทอง ที่ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 22 -นครพนม -สายสกลนคร บริเวณบ้านผึ้ง หมู่ 1 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จึงประสานแพทย์ โรงพยาบาลนครพนม แล้วรีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ เตชะเรืองศิลป์ ผกก.และ ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม กู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม กู้ภัยศรีสัตตนครพนม และรถกู้ชีพ อบต.บ้านผึ้ง
ในที่เกิดเหตุ พบศพนายพรหมจักร สีสุพา อายุ 33 ปี พนักงานปั๊ม ชาวลาว บ้านเกิดอยู่ แขวงบริคำไชย นอนตะแคงข้างเสียชีวิตอยู่หน้าออฟฟิศ สภาพศพถูกของแข็งหนักทุบที่ศีรษะจนกะโหลกเปิด ใกล้กันพบศพ น.ส.วิชุดา ศรีสุมังค์ อายุ 50 ปี พนักงานปั๊ม ชาว บ้านดอนม่วง หมู่ 9 ต.บ้านผึ้ง อยู่ในสภาพนอนหงายทับรถ จักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กจ 8242 นคพนม ซึ่งเป็นของผู้ตาย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดที่ท้ายทอย 1 นัดกระสุนทะลุแก้ม
สอบถามนางสุพิรม สีสุพา อายุ 33 ปี น้องสาวนายพรหมจักร ผู้ตาย ให้การว่า ตนทำงานที่ปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปากทางเข้า บ.นามูลฮิ้น หลังจากตนเลิกงาน ประมาณสี่ทุ่ม ก็ขับขี่รถ จักรยานยนต์มาที่ปั๊มนี้ เพื่อจะมานอนที่ออฟฟิศกับพี่ชาย เมื่อมาถึงก็ พบเห็นสภาพศพของทั้งคู่ถูกฆ่าตายแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งนายจ้าง ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้ง191ให้ตำรวจมาตรวจสอบ
นายชาตรี หม่อมบ่าว อายุ 61 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมัน กล่าวว่า ปั๊มแห่งนี้เปิดมา 4 ปีแล้ว มีลูกจ้าง 4 คนมีคนไทยเป็นหญิง 3 คนรวมกับ น.ส.วิชุดา ผู้ตาย ทำงาน 2 กะ ส่วนนายพรหมจักร ผู้ตายเข้ากะช่วงบ่ายจนถึงค่ำ ปกติทุกวันจะให้ลูกชายหรือภรรยามาเก็บเงินที่ขายได้ในแต่ละวัน ส่วนกะค่ำจะให้นายพรหมจักร เก็บเงินที่ขายได้ไว้ก่อน พอรุ่งขึ้นค่อยมาเอาไปฝากธนาคารอีกรอบหนึ่ง ปกติช่วง 4 ทุ่มน้องสาวผู้ตายจะมานอนที่ปั๊มแห่งนี้
แต่วันนี้มาถึงก็พบพนักงานปั๊มทั้งคู่ทั้งคู่ถูกฆ่าตาย แล้วจึงแจ้งให้ตนทราบ ตนจึงรีบมาตรวจสอบ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเสียก่อน
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพบว่าในบริเวณปั๊มมีกล้องวงจรปิด 16 ตัว แต่ปลั๊กไฟของเครื่องบันทึก (เซิร์ฟเวอร์) ถูกดึงออก พบเงินที่ได้จากการขายน้ำมันประมาณ 30,000 บาทยังอยู่ในกระเป๋าคาดเอวของนายพรหมจักร ผู้ตาย
มีพยานให้การว่า ก่อนที่ น.ส.วิชุดา จะถูกยิงจนเสียชีวิตนั้น ในช่วงสายของวันเดียวกัน มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหา แต่นางสาววิชุตาไม่ได้รับสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์สายที่โทรเข้าว่าเป็นของใคร และตรวจสอบกล้องวงจรปิดห้วงเวลาก่อนเกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสเชื่อมโยงการฆาตกรรมโหดครั้งนี้ อย่างเร่งด่วนแล้ว
ขณะที่ญาติ น.ส.วิชุดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้ตายได้หย่าร้างกับสามีมานานกว่า 20 ปีแล้ว มีบุตรด้วยกัน 1 คน ซึ่งโตจนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว คดีนี้ เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นปมสังหารไว้หลายประเด็น มีปมชู้สาว ขัดผลประโยชน์และหนี้สิน ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ มาดำเนินคดีต่อไป