รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com
(สรุปข่าวประจำวันที่ 6 - 12 ส.ค. 2566)
อันดับ 1 : เพื่อไทยการละคร Like หนู ดีลงูเห่า ตั้งรัฐบาล สะพัดสองลุงเติมเต็ม 315 เสียง จับตามติศาลรัฐธรรมนูญ 16 ส.ค.นี้
ความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตลอดสัปดาห์นี้ หลังตัดสินใจฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดเดิม พร้อมเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงจัดตั้งรัฐบาล โดยมี 212 เสียงคือพรรคเพื่อไทย 141 เสียง และพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้หาเสียงโจมตีกันด้วยวลี “ไล่หนู ตีงูเห่า” นพ.ชลน่านอ้างว่าเป็นวิถีการหาเสียง แต่พรรคเพื่อไทยไม่เคยประกาศเป็นศัตรูกับใคร ทำให้กระแสสังคมโจมตีพรรคเพื่อไทยด้วยแฮชแทก #เพื่อไทยการละคร
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าหาเสียงสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล ชวนทุกพรรคทุกกลุ่มสนับสนุนตั้งรัฐบาลพิเศษ แก้วิกฤติชาติ เริ่มจากขอเสียงสนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ประกาศว่า ส.ส.ในกลุ่ม 40 คนสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ส่วนฝั่งพรรคเพื่อไทยแม้จะสงวนท่าสังฆกรรมพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่มีรายงานว่ามีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมายกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย หากเป็นเช่นนั้นจะเพิ่มอีก 36 เสียง ทำให้รวบรวมเสียงได้ 315 เสียง เหลือเสียง สว.เพิ่มเติมอีก 59 เสียงเท่านั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องจับตา คือ ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกถือเป็นญัตติซ้ำ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งจะมีผลไปถึงการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
อันดับ 2 : ลากไส้ทะลุวัง คนกันเองแฉบุ้ง รับเด็กมีปัญหาดูแลแล้วหลอกใช้ ก่อความถ่อยกระทรวงวัฒนธรรม-เพื่อไทย
สังคมได้เห็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มทะลุวัง มากขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สินกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเรียกร้องให้ปลดนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ส.ว. ออกจากศิลปินแห่งชาติ เนื่องจากงดออกเสียงในการโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาด้วยวันที่ 7 ส.ค. กลุ่มทะลุวังไปหน้าพรรคเพื่อไทย ขัดขวางรถยนต์ มีปากเสียงกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถมการปาพลุแฟลร์ไปโดนผู้สื่อข่าว พอเดินเข้าไปถามได้คำตอบสุดหยาบคาย หวิดได่ชกต่อยกัน แต่ รปภ.มากันออกไปก่อน
ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ปฏิเสธที่จะเตือนกลุ่มทะลุวัง โดยอ้างว่าเป็นความรับผิดชอบส่วนตัว ทุกคนคิดเองได้ ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้อยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตาม ได้มีอดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวังอย่าง น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย ที่ลี้ภัยไปยังประเทศแคนาดา แฉพฤติกรรมแกนนำ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง อายุ 26 ปี ว่าจะรับเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านและมีแสงมาดูแล แล้วหลอกใช้ประโยชน์จากเด็กเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เพื่อให้เกิดไวรัลและขอทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเยาวชน และเห็นว่า หยก เยาวชนอายุ 15 ปี เป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กส่วนตัวของ หยก ระบุว่า บุ้งดูแลดีมาก อยากเรียนขี่มอเตอร์ไซค์มีคนรู้จักสอนให้ มีเงินติดตัวตลอด อยากได้เสื้อก็ซื้อ ยืนยันว่าทุกการตัดสินใจตนเลือกเอง ไม่มีใครกำหนดให้ และไม่ใช่เหยื่อแต่อย่างใด
อันดับ 3 : ผู้ประกาศสาวถูกดูดเงินกว่า 1 ล้าน แก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างกรมที่ดิน ยันไม่ได้กดลิงก์หรือโหลดแอปฯ แต่มาเอง
ภัยใกล้ตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. น.ส.ประวีณมัย บ่ายคล้อย หรือตาล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.มงคล ชัยศิลป์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ให้อัปเดตข้อมูลที่ดิน ก่อนจะหลอกให้แอดไลน์ และอาศัยจังหวะประวิงเวลาสวมรอยทำธุรกรรม ทั้งโอนเงินเก็บในบัญชี และเบิกเงินสดจากวงเงินบัตรเครดิตที่ผูกกับแอปฯ ได้รับความเสียหาย 3 ธนาคาร รวม 1,020,000 บาท ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้กดลิงก์และไม่ได้ดาวน์โหลดแอปฯ ใดๆ เพียงแต่กล่าวกับปลายสายว่าใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ด้านสมาคมธนาคารไทยชี้แจงว่า ทางธนาคารสมาชิกที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเหตุดังกล่าว ดำเนินการระงับธุรกรรมชั่วคราวทันที และแจ้งให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขยายระยะเวลาการระงับธุรกรรมชั่วคราวไปอีก 7 วัน ขณะที่เจ้าตัวเปิดเผยกับทางช่อง 3 ว่า มีบัญชีธนาคารจำนวน 1 แห่ง สามารถระงับบัญชีได้ทัน คิดเป็นมูลค่าครึ่งหนึ่ง จากความเสียหายทั้งหมด ส่วนอีก 2 ธนาคารยังต้องรอตรวจสอบต่อไป ส่วน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ สั่งการให้ชุดตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีเข้าตรวจสอบ โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน อยู่ในระหว่างดำเนินการ
อันดับ 4 : ชูวิทย์ร้องจ๊าก เศรษฐาฟ้อง 500 ล้าน แฉเพื่อชาติหมิ่นประมาท เจ้าตัวเผยเอง เป็นมะเร็งตับระยะที่ 4
กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนัการเมืองและนักธุรกิจอาบอบนวด แถลงข่าวใช้ชื่อว่า "แฉเพื่อชาติ" โจมตีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า บริษัท แสนสิริ โดยนายเศรษฐาซื้อที่ดินและมีการหลีกเลี่ยงภาษี ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายเศรษฐามอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ฟ้องนายชูวิทย์ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน พร้อมชี้แจงว่าแสนสิริซื้อขายที่ดินถูกต้อง ศาลอาญานัดไต่สวน 9 ต.ค. ส่วนนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย แฉภาพนายชูวิทย์ เคยไปพบกับนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา
ด้านนายชูวิทย์ตอบโต้นายเศรษฐาว่า รู้สึกขนลุก ตอนนี้มี 21 คดีแล้ว ที่ผ่านมาการเปิดโปงต่างๆ ก็ทำเพื่อชาติบ้านเมือง นายเศรษฐาซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ และกำลังเสนอตัวเองเป็นนายกฯ เป็นสิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้านายเศรษฐาจะฟ้อง ได้ปรึกษากับทนายความแล้วว่า จะฟ้องกลับนายเศรษฐาอีกรอบ พร้อมเปิดเผยว่าในเดือนตุลาคมนี้จะเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อรักษามะเร็งตับระยะที่ 4 ลุกลามเกิน 5 เซนติเมตร มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 8 เดือน จึงต้องออกมาแฉเพื่อชาติ อย่างไรก็ตาม ในวันอังคารหน้า (15 ส.ค.) จะมีการแถลงข่าวเปิดเผยพร้อมหลักฐานเอกสารพาดพิงนายเศรษฐาอีกครั้ง
อันดับ 5 : สลดฆ่ายกครัว 5 ศพ แม่ไปมีคนใหม่ พ่อยิงลูกเลี้ยง แม่ยายและพี่แม่ยาย ก่อนจบชีวิตตาม
เหตุสลดความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 7 ส.ค. นายสมชาย แก้วโกมล หรือโบ้ อายุ 54 ปี อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนางโสภา จันโสดา อายุ 59 ปี แม่ยายที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลตลาดนิกแน็ก หลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากนั้นไดเข้าไปยังคอนโดบ้านสวนรัชธานีตึก 5 ชั้น 9 ก่อเหตุยิง น.ส.ทวี สินมา อายุ 60 ปี พี่แม่ยาย ด.ช.ธนกฤต แก้วเกร็ด อายุ 7 ขวบ เสียชีวิตทันที ด.ช.กฤตภาส แก้วเกร็ด อายุ 9 ขวบ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ก่อนหนีลงมาบริเวณศาลาหน้าคอนโด แล้วใช้อาวุธปืน .380 จ่อยิงหัวตัวเองจนเสียชีวิต
สอบสวนพยานแวดล้อมทราบว่า นายสมชายอยู่กินกับ น.ส.วีระยา สินมา หรือชมพู่ อายุ 39 ปี ประมาณ 2 ปี แต่มีลูกติด คือ ด.ช.ธนกฤต กับ ด.ช.กฤตภาส ช่วงหลังมีปัญหาทะเลาะกัน เพราะ น.ส.วีระยาก่อหนี้นอกระบบและหนี้แชร์ ประกอบกับนายสมชายเป็นคนใจร้อน เคยเครียดถึงประกาศจะตัดปัญหาด้วยการฆ่ายกครัว น.ส.วีระยาจึงหนีไปมีชายอื่นนานกว่า 1 เดือน นายสมชายพยายามตามหาแต่ไม่พบ จึงตัดสินใจก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว ขณะที่ น.ส.วีระยา ยืนยันว่าจดทะเบียนหย่ากันแล้วต่างคนต่างอยู่ นายสมชายยังพยายามตามง้อขอคืนดี ที่ผ่านมาเป็นคนรุนแรงทำร้ายร่างกายหลายครั้ง แถมพกปืนตลอดเวลา
ส่วนลูกสาวที่ติดกับอดีตภรรยานายสมชาย เข้าลงบันทึกประจำวัน สน.ทุ่งสองห้อง เพราะ น.ส.วีระยางัดประตูเข้าไปที่ห้องพักของพ่อเอาทรัพย์สินบางอย่างไป ระบุว่า ฝ่ายหญิงเป็นคนตามง้อนายสมชายเพื่อขอคืนดี ยืนยันว่าพ่อไม่มีแนวโน้มจะทำร้ายใคร
อันดับ 6 : ช่างทำอะลูมิเนียมชิงทอง 48 บาท ร้านทองห้างดังย่านสายไหม แต่จนมุมขณะจะไปเที่ยวอาบอบนวด
เหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองครั้งนี้้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค. เกิดเหตุคนร้ายชิงเงินสดและทองรูปพรรณภายในร้านเพชรทองออโรร่า สาขาบิ๊กซี ฟู้ดเพลส สุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดยคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วมสูงใหญ่ สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขาสามส่วนสีน้ำเงิน แมสก์สีดำ หมวกแก๊ปสีขาวดำ และสะพายกระเป๋าดำ ใช้อาวุธมีดปลายแหลม ข่มขู่พนักงานหญิงให้ส่งทองรูปพรรณให้ พร้อมใช้เจลแอลกอฮอล์ผสมทินเนอร์ฉีดใส่ทั่วทั้งร้าน ก่อนหยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋าขู่จะเผาร้านทอง กวาดสร้อยคอทองคำรวม 48 บาท เงินสดประมาณ 200,000 บาท มูลค่ารวม 1.9 ล้านบาท
ต่อมาตำรวจจับกุมคนร้ายได้ที่หน้าสถานอาบอบนวดแนนซี่ ถนนเพชรบุรี แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ขณะกำลังจะเที่ยวอาบอบนวด ทราบชื่อคือ นายวินัย ขันอาษา อายุ 40 ปี สอบสวนทราบว่าประกอบอาชีพรับทำกรอบประตูหน้าต่างกระจกอะลูมิเนียม มีภรรยา 1 คน ลูก 3 คน แต่ติดการพนันออนไลน์เป็นเงินเกือบ 1 ล้านบาท นำเงินมัดจำลูกค้าไปใช้หนี้พนันจนหมุนเงินไม่ทัน เมื่อลูกค้าทวงถามทำให้เกิดความกดดันตัดสินใจก่อเหตุ หลังเกิดเหตุขับรถหลบหนีวนรอบจังหวัดปทุมธานี ก่อนค้างคืนที่อพาร์ตเมนต์เพื่อน 1 คืน แล้ววันต่อมาจะไปหาป้าที่เอกมัย ระหว่างทางแวะอาบอบนวด แต่ถูกจับเสียก่อน
อันดับ 7 : มาริโอ้แจงตำรวจ ปมจับกุมแก๊งสวมทะเบียนหลังครอบครองรถโบราณ รองผู้การไซเบอร์เชื่อไม่ได้จงใจ
กรณีที่ตำรวจไซเบอร์จับกุม นายเสถียร เรืองสมุทร อายุ 38 ปี และนายศริสร สุทธิเจต อายุ 44 ปี สองผู้ต้องหาแก๊งสวมทะเบียนรถ โดยแอบใช้รหัสยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลรถยนต์ จากนั้นไปแจ้งหายเพื่อทำเล่มทะเบียนใหม่ ก่อนนำไปจำนำหรือขายให้กับผู้ที่ชื่นชอบและนักสะสมรถเก่า เสียหายกว่า 77 ล้านบาท ปรากฎว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแฉว่าลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งดารานักแสดงดัง หนึ่งในนั้นมีพระเอกชื่อดังอักษรย่อ "ม." ซึ่งตำรวจได้ออกหมายเรียก และผู้ที่ถูกพาดพิงออกมายอมรับ คือ “มาริโอ้ เมาเร่อ” หรือนายณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์ อายุ 34 ปี
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. มาริโอ้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.สอท.2 เพื่อให้ปากคำ เพราะเป็นผู้ครอบครองรถยนต์เมอร์ซิเดสเบนซ์ สีขาว รุ่น G-300 เนื่องจากชื่นชอบสะสมรถเก่าแนวคลาสสิก ได้ซื้อทะเบียนรถยนต์ที่คนร้ายแอบลักลอบสวมทะเบียนให้เป็นรถถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าตัวกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร มั่นใจในความบริสุทธิ์ ได้ให้ข้อมูลและหลักฐานกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว รายละเอียดไม่สามารถบอกได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี ส่วน พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ระบุว่า สอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่ามาริโอ้น่าจะไม่ได้จงใจซื้อรถสวมทะเบียน คิดว่าโดนหลอก แต่พนักงานสอบสวนต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อน