xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาบุรีรัมย์แห่เข้าคิวถอนเงินไร่ละพันแน่น ธ.ก.ส. วอนรัฐเพิ่มเป็นไร่ละ 1,500 สอดคล้องต้นทุนสูงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - ชาวนาบุรีรัมย์แห่เข้าคิวปรับเช็กยอดและถอนเงินค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 แน่น ธ.ก.ส. หลายคนมารอตั้งแต่ก่อนเปิดทำการ เพราะรีบนำเงินไปจ่ายค่ารถเกี่ยวและค่าปุ๋ยที่ติดค้างไว้ เผยช่วยแบ่งเบาภาระชาวนาได้ระดับหนึ่ง แต่อยากให้เพิ่มวงเงินเป็นไร่ละ 1,500 ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นแต่ราคาข้าวตกต่ำ

วันนี้ (6 ธ.ค.) ชาวนาจากหลายตำบลในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พากันนำสมุดบัญชี และบัตรเอทีเอ็ม ไปปรับเช็กยอดเงิน และถอนเงินค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อย่างคึกคักจนแน่นธนาคาร บางคนมารอตั้งแต่ก่อนเปิดทำการ แต่ชาวนาบางคนไม่สามารถถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มได้เพราะบัตรเอทีเอ็มหมดอายุ บางคนจำรหัสบัตรไม่ได้เพราะไม่ได้ใช้นาน จำเป็นต้องรอคิวทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ และบางคนเลือกใช้สมุดบัญชีเบิกถอนเงินที่หน้าเคาน์เตอร์เลย เพราะต้องการนำเงินช่วยเหลือจากโครงการรัฐบาลไร่ละ 1,000 บาทดังกล่าวไปจ่ายค่าเก็บเกี่ยว และค่าปุ๋ย ที่ติดค้างไว้ก่อนหน้านี้


โดยชาวนาที่มาเข้าคิวรอปรับเช็กยอดเงินและถอนเงินที่ ธ.ก.ส.ในวันนี้ต่างบอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้รับเงินค่าเก็บเกี่ยว เพราะจะได้นำเงินดังกล่าวไปจ่ายค่ารถเกี่ยวและค่าปุ๋ยที่ค้างเอาไว้ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,000 บาท เป็นไร่ละ 1,500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยที่แพงขึ้นเกือบเท่าตัว อย่างไรก็ตาม มีชาวนาบางคนที่ตั้งใจจะมาถอนเงินแต่ต้องผิดหวัง เพราะเช็กแล้วยังไม่มีเงินโอนเข้า ไม่รู้ว่าติดขัดที่ขั้นตอนไหน ซึ่งต้องเสียเวลารอคิวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้


นายชัยอารีย์ เขินไพร อายุ 65 ปี ชาวนาบ้านหนองสองห้อง ต.สองห้อง บอกว่า ทำนาทั้งหมด 25 ไร่ แต่ได้รับค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ รวมเป็น 20,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวที่รัฐบาลช่วยค่าเก็บเกี่ยวก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สอดคล้องกับต้นทุนในการลงทุนทำนาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ต้นทุนทั้งค่าไถ ค่าปุ๋ย ค่ารถเกี่ยวรวมแล้วกว่า 30,000 บาท ขณะที่ราคารับซื้อข้าวเปลือกกลับตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 9-11 บาทเท่านั้นไม่คุ้มทุน แต่ชาวนายังจำเป็นต้องทำเพราะหากไม่ทำต้องซื้อข้าวกินในราคาที่สูงอีก อยากให้มีโครงการนี้ต่อเนื่อง และหากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มวงเงินเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย

ส่วนนายเปี๊ยก แกรัมย์ ชาวนาอีกคนที่ตั้งใจจะมาถอนเงินค่าเก็บเกี่ยวเพื่อไปจ่ายค่าปุ๋ย แต่กลับไม่พบเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งไม่รู้ว่าติดขัดที่ขั้นตอนไหนต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้อีกครั้ง แต่หากถามว่าเงินไร่ละพันดังกล่าวแม้จะช่วยแบ่งเบาได้ในระดับหนึ่ง แต่เป็นโครงการที่ดีเพราะถ้าไม่มีโครงการนี้มาช่วยคงเดือดร้อนหนักกว่านี้ เพราะค่าปุ๋ยแพงมาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มวงเงินค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,000 บาท เป็นไร่ละ 1,500 บาท ถึงจะสอดคล้องกับต้นทุน


นายสมยศ โยสาจันทร์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพการผลิตเกษตรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/2567 ของรัฐบาลมีเป้าหมายทั่วประเทศ 4.68 ล้านครัวเรือน เริ่มจ่ายเงินวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566

จากข้อมูลพบว่าโครงการนี้จังหวัดบุรีรัมย์มีเป้าหมายอยู่ 178,825 ครัวเรือน จำนวนเงินที่ต้องโอน 2,154,381 บาท ขณะนี้โอนสำเร็จแล้ว 178,821 ครัวเรือน เป็นเงิน 2,145,340 บาท ยังโอนไม่สำเร็จ 4 ครัวเรือน เนื่องจากบัญชีถูกอายัด บัญชีถูกปิด และมีปัญหาขัดข้องเกี่ยวกับบัญชี ซึ่งเจ้าของบัญชีต้องมาติดต่อและดำเนินการแก้ไขถึงจะสามารถโอนเงินเข้าได้