ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวบ้านโคราชวอนรัฐบาลปรับหลักเกณฑ์การใช้เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ให้เป็นอยู่ที่ไหนก็ใช้ได้ไม่จำกัดพื้นที่และควรชำระหนี้ได้ ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ และเติมน้ำมัน ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
วันนี้ (12 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นชาวบ้านที่มีสิทธิในการรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ในพื้นที่ชุมชนพาณิชย์เจริญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังรัฐบาลแถลงหลักเกณฑ์โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต พบว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทให้กับประชาชนเพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าและของใช้ในครัวเรือนและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ประชาชนจะเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท แต่หลักเกณฑ์เงื่อนไขในการใช้เงินนั้นมีจำกัด เช่น ต้องใช้เงินในพื้นที่อำเภอตามทะเบียนบ้าน หรือการจำกัดการใช้เงินดิจิทัลที่ทำได้เพียงซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ซึ่งประชาชนได้สะท้อนความคิดเห็นผ่านไปยังรัฐบาลอยากให้มีการปรับแก้หลักเกณฑ์ในการใช้เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ด้วยการเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายเงิน เช่น การจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าเช่าบ้าน ค่าเทอม เป็นต้น
นางตรีรัตน์ อินทรานพ แม่ค้าอาหารตามสั่ง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ลำบากแต่หลักเกณฑ์ในการใช้เงินนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากและอาจจะสร้างความยากลำบากในการใช้จ่ายเงินให้ชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุ ถ้าเป็นไปได้นั้นอยากให้แจกเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหรือแอปฯ เป๋าตังก็ได้ เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างโดยเฉพาะการชำระหนี้ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือสามารถเอาไปเติมน้ำมันก็ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่แล้วตอนแจกเงิน 15,000 บาท ประชาชนสามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้ปกติไร้เงื่อนไขซึ่งตนมองว่าจะได้ประโยชน์สูงที่สุด
ขณะเดียวกันทางด้าน นางกิ่งแก้ว ศรีจำนงค์ ชาวบ้านในชุมชน กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของทางรัฐบาลนั้นตนมองว่าดีครึ่งหนึ่งไม่ดีครึ่งหนึ่ง ข้อดีคือชาวบ้านได้เงินมาใช้จ่ายซื้อสินค้าหรือสิ่งของจำเป็นที่ใช้ในครัวเรือน ข้อเสียคือข้อจำกัดในการใช้เงินดิจิทัลนั้นไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน หรือค่าเทอมการศึกษา ทำได้เพียงแค่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงเท่านั้น ซึ่งถ้าซื้อครั้งหนึ่งแล้วจะสามารถใช้ได้เป็นเดือน
นอกจากนี้ตนยังมองว่าการจำกัดพื้นที่ในการใช้เงินนั้นก็เป็นปัญหาถึงแม้จะมีการขยายจากพื้นที่ 4 กิโลเมตร มาเป็นทั้งอำเภอแล้วก็ตาม แต่คนที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดนั้นไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลที่รัฐแจกมาได้เนื่องจากติดเงื่อนไขต้องกลับมาใช้ยังอำเภอที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งจากที่ตนคุยกับชาวบ้านมาหลายคนก็บอกว่าหากกฎเกณฑ์ยุ่งยากขนาดนี้ไม่เอาดีกว่า ตนจึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลว่าอยากให้ช่วยปรับหลักเกณฑ์ในการใช้เงินและเพิ่มช่องทางในการใช้เงินดิจิทัลในการชำระหนี้จะดีมากจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนี้ได้สูงที่สุด