ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตำรวจแวงน้อยขอนแก่นเผยยังสรุปไม่ได้กรณีเยื่อพรหมจรรย์ ของ “ด.ญ.วัย 13 ปีฉีกขาดเกิดจากโซเฟอร์รถตู้กระทำชำเราหรือไม่ ต้องรอผลตรวจชันสูตรจากห้องแลบอย่างเป็นทางการและรอคำให้การของเด็กหญิง ซึ่งตอนนี้ยังสอบปากคำไม่ได้ นอนรักษาตัวอยู่ รพ.ขอนแก่น
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่สถานีตำรวจภูธรแวงน้อย จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแวงน้อย พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัชรดนัย การรินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. พร้อมทีมสืบสวนนครบาล ได้ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีที่นายเดช อายุ 50 ปี คนขับรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ชาว อ.แวงน้อย ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี โดยนางแตง (นามสมมุติ) อายุ 64 ปี ย่าของ ด.ญ.เอ ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน
โดยนางแตงอ้างว่า หลานสาว ถูกนายเดช ข่มขืนกระทำชำเรา ขณะนั่งรถตู้ที่นายเดชเป็นคนขับเดินทางไปหาพ่อและแม่ที่ กทม. ในช่วงปิดภาคเรียน จนทำให้หลานสาว กลายเป็นคนเสียสติ สาเหตุหนึ่งที่นางแตง ย่าของ ด.ญ.เอ เชื่อว่า หลานสาวถูกข่มขืน คือ การตรวจร่างกายของแพทย์ รพ.แวงน้อย ที่ย่าของเด็กหญิงระบุว่า เยื่อพรหมจรรย์ของหลานฉีกขาด
พ.ต.อ.สมมาตย์ กล่าวต่อว่า ข้อมูลเรื่องเยื่อพรหมจรรย์ เป็นข้อมูลที่ออกมาจากฝั่งย่าของเด็ก ซึ่งไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจากผลการตรวจชันสูตรทั้งหมดของแพทย์ โรงพยาบาลแวงน้อย เพราะขณะนี้ยังรอผลการชันสูตรจากห้องแลบ กทม. ซึ่งหากได้ผลการตรวจแบบสมบูรณ์ครบถ้วนจากห้องมา จึงจะสามารถสรุปผลการตรวจร่างกายของเด็กได้ แต่จากการตรวจร่างกายในเบื้องต้น ไม่พบว่ามีบาดแผล สิ่งที่จะทำให้คดีนี้มีความชัดเจนได้มากที่สุด ก็คือ คำให้การของเด็ก แต่ตอนนี้เด็กยังไม่สามารถให้การใด ๆ ได้
แต่ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลผลการตรวจร่างกาย ด.ญ.เอ จากการรายงานของทางโรงพยาบาลฯ มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งผลการตรวจยังมาไม่หมด ที่สำคัญยังไม่สามารถระบุได้ว่า เด็กถูกกระทำชำเราหรือไม่ เพราะต้องมีพยาน หลักฐานอื่น ๆ มาประกอบด้วย ในคำถามที่ว่า จะมีการตรวจร่างกาย ด.ญ.เอ เพิ่มหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับทาง รพ.ขอนแก่น และ พนักงานสอบสวน เพราะตอนนี้ ด.ญ.เอ ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ขอนแก่น และไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
และจากการเข้าไปประเมินของทีมสหวิชาชีพ ก็ยืนยันว่า ด.ญ.เอ ไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลได้ ซึ่งในประเด็นการตรวจร่างกายของ ด.ญ.เอ นี้ ทาง รพ.แวงน้อย ได้ทำการตรวจร่างกายของเด็กตั้งแต่แรก ก็ได้ส่งผลตรวจไปที่ห้องแลบ ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจอย่างเป็นทางการ
พ.ต.อ.สมมาตย์ กล่าวอีกว่า หากการตรวจร่างกายพบว่า เยื่อพรหมจรรย์ของเด็กฉีกขาด ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้แน่ชัดว่า สาเหตุของการฉีกขาดเกิดจากอะไร หากไปตัดสินเพียงแค่ว่า เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด เกิดจากนายเดชกระทำชำเรา ตามที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่เพียงพอต่อรูปคดี และที่สำคัญ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเยื่อพรหมจรรย์ ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด ซึ่งไม่ทราบว่าญาติของเด็ก ได้ข้อมูลมาอย่างไร ซึ่งหากผลตรวจจากห้องแลบ ออกมาว่า เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะต้องไปตรวจสอบที่พยานวัตถุร่วมด้วย เช่น รถตู้โดยสารคันที่ถูกกล่าวอ้าง ที่ว่า มีเลือดไหลเต็มเบาะรถ ก็ต้องรอผลจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีการรายงานผลกลับมาที่ สภ.แวงน้อย คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน
ซึ่ง ณ เวลานี้ ยังไม่มีการรายงานผลการตรวจพบสิ่งใด แม้กระทั้งการพบของเหลวสีแดง ตามที่มีการนำเสนอข่าว ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีความระมัดวังในการนำเสนอ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีหลักฐานเพียงพอว่า นายเดช เป็นผู้กระทำ ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หากหลักฐานไม่เพียงพอ หรือไม่ใช่ ก็ต้องมาสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงกันใหม่ เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริง โดยจากการสอบปากคำผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางอย่างน้อย 5 คน ยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้หากเด็กหญิงไม่สามารถให้ปากคำได้ หรือ กว่าจะให้ปากคำได้อาจต้องใช้เวลาในการรักษาตัวนานหลายเดือน ทิศทางของการทำคดีจะเป็นอย่างไร พ.ต.อ.สมมาตย์ ตอบว่า จะต้องมีพยานหลักฐานอื่นที่สามารถชี้ชัดได้ว่า เด็กถูกล่วงละเมิดและมีผู้กระทำผิด ซึ่งตำรวจจะต้องสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงต่อไป
