ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจเผยยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาโชเฟอร์รถตู้ พยานหลักฐานยังไม่ชัดเจนมากพอ ต้องรอสอบปากคำเด็กหญิงอายุ 13 ปีที่นอนอยู่โรงพยาบาลฟื้นคืนปกติก่อน ทางด้านผู้โดยสารรถตู้คันเกิดเหตุถูกเรียกตัวสอบปากคำเพื่อรวบรวมข้อมูลประกอบคดีแล้ว
วันนี้ (7 พ.ย.) พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดี กรณีครอบครัวของ เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แวงน้อย และ สน.บางกอกใหญ่ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 ให้ดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) ในรถตู้ ล่าสุดทางตำรวจสืบสวนนครบาลได้ลงพื้นที่มาร่วมสืบสวนสอบสวนเก็บข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สภ.แวงน้อย โดยทาง สภ.แวงน้อยเองแม้จะยังสอบปากคำเด็กวัย 13 ปีไม่ได้ ทางตำรวจเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เร่งสืบสวนสอบสวนในส่วนที่ทาง สภ.แวงน้อยจะสามารถทำได้ และบูรณาการร่วมกันในทุกๆ ภาคส่วน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ในส่วนของคนขับรถตู้ เมื่อวานที่ผ่านมาก็ได้เดินทางมาพร้อมกับนำรถตู้คันที่ใช้รับส่งผู้โดยสารในวันดังกล่าวมาพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทางตำรวจก็ได้ส่งตรวจที่ ศพฐ.4 ทันที เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานในทุกมิติ จากการสอบสวนเบื้องต้นคนขับรถตู้ยังไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา และยังไม่มีการแจ้งข้อหานายเดชแต่อย่างใด เป็นการสอบปากคำในฐานะพยานที่เป็นเจ้าของรถตู้และเป็นคนขับรถตู้ในวันดังกล่าว
เนื่องจากพยานหลักฐานมีไม่ชัดเจนเพียงพอในการดำเนินคดีต่อคนขับรถตู้ ซึ่งจะต้องทำการสอบปากคำเด็กหญิงวัย 13 ปีให้ได้ก่อน จึงจะสามารถวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้ (7 พ.ย.) ได้เรียกผู้โดยสารตามรายชื่อที่ใช้บริการในวันดังกล่าวมาสอบปากคำด้วย ซึ่งทางผู้ประกอบการรถตู้โดยสารดังกล่าวได้นำรายชื่อมาให้ทั้งหมดแล้ว ก่อนที่ทางตำรวจจะทำการสอบสวนในฐานะพยาน เพื่อหาข้อมูลว่าในวันดังกล่าวนั้นคนขับรถตู้มีพฤติกรรมแบบไหน และจอดรับส่งผู้โดยสารจุดใดหรือมีสิ่งที่น่าสงสัยมีพิรุธหรือไม่
ในส่วนของเด็กหญิงอายุ 13 ปีนั้นอยู่ในความดูแลของแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น อาการยังไม่สามารถให้การได้ โดยแพทย์ได้ทำการตรวจเลือด และซีทีสแกน เพื่อรอผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
มีรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบของทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 เบื้องต้นที่ระบุว่าพบคราบเหลวสีแดงในรถตู้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ซึ่งได้มีการเร่งรัดในหลักฐานส่วนนี้ไปแล้ว ซึ่งตามปกติจะใช้เวลาในการตรวจประมาณหนึ่งเดือน ก่อนจะสรุปผลว่าคราบเหลวสีแดงนั้นคือสารอะไร ก่อนจะส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.แวงน้อยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป