"สรปุก" คนดังโซเชียลฯ แฉคดีโชเฟอร์รถตู้ข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปี หวาดผวากรีดร้อง "บักปีศาจมันจะมาเอาชีวิตหนู" อึ้งตำรวจท้องที่ไม่ออกหมายจับผ่านมาหลายวัน สืบนครบาลรับประสานตามคดีให้ก่อนเป็นข่าวเช้านี้ ด้านผู้การขอนแก่นเผยผู้ถูกกล่าวหาพยายามขอพบตำรวจ ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ
วันนี้ (6 พ.ย.) สืบเนื่องจากกรณีที่เด็กหญิงวัย 13 ปี ชาวอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ถูกโชเฟอร์รถตู้รับจ้างที่ชื่อว่านายเดชข่มขืนกระทำชำเราบนรถตู้ระหว่างเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นมายังกรุงเทพมหานคร เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ย่าได้พาเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.แวงน้อย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. และ สน.บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. แต่กลับไม่มีความคืบหน้า หวั่นคนร้ายทำลายพยานหลักฐานและไปก่อเหตุเพิ่มอีก นอกจากนี้ ยังพบว่าตำรวจสองท้องที่ ได้แก่ สภ.แวงน้อย และ สน.บางกอกใหญ่ โยนคดีกันไปมา อ้างว่าไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน กลายเป็นข่าวสะเทือนวงการตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. คนปัจจุบัน
เฟซบุ๊ก "สืบนครบาล IDMB" ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โพสต์ข้อความ สาระสำคัญระบุว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (น.1) สั่งการให้สืบนครบาล ร่วมกับ สน.บางกอกใหญ่ สืบสวนคดีเด็กอายุ 13 ปีถูกข่มขืนระหว่างเดินทางโดยรถตู้จาก อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น มากรุงเทพฯ เพื่อมาหาพ่อแม่ จนได้รับความบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส สืบนครบาลสัญญาว่าจะรีบดำเนินการหาคนผิดมารับโทษโดยเร็วที่สุด
แหล่งข่าวจากสืบนครบาลชี้แจงเพิ่มเติมหลังจากผู้สื่อข่าว MGR Online ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมถึงมีการทำคดีหลังจากเป็นข่าว โดยระบุว่า สืบนครบาลได้รับการติดต่อให้เข้ามาให้ความยุติธรรมกับครอบครัวเด็กอายุ 13 ปี เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) และได้เริ่มสืบสวนอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเป็นข่าวในวันนี้ โดยได้อ้างอิงโพสต์จากเฟซบุ๊ก Pook Sukonta Berthebaud ของ ปุ๊ก สุคนธา หรือฉายา ปุ๊ก สรปุก คนดังในสื่อโซเชียลฯ
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Pook Sukonta Berthebaud ของ ปุ๊ก สุคนธา หรือฉายา ปุ๊ก สรปุก คนดังในสื่อโซเชียลฯ โพสต์ข้อความสาระสำคัญระบุว่า มีครอบครัวผู้ใช้แรงงาน พ่อแม่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ เด็กอยู่จังหวัดภาคอีสานกับปู่ย่า เมื่อปิดเทอมก็จะนั่งรถขึ้นมาอยู่กับพ่อแม่ เมื่อเดือน ก.ย. ทางบ้านเรียกรถตู้เหมา มีผู้โดยสารหลายคน ตามกำหนดเด็กควรจะถึงช่วงเย็นๆ แต่คนขับรถมาส่งตอนดึกมากแล้ว อ้างว่ารถติด แต่พบว่าเด็กมีอารมณ์เศร้า หน้าตาอิดโรย 3 สัปดาห์ ถึงวันกลับ โทร.หารถตู้คันเดิมให้มารับ เด็กร้องกรี๊ดสุดเสียง ร้องไห้ไม่ยอมกลับ ตัวสั่นตัวคลอน สุดท้ายคนขับรถก็พาขึ้นรถกลับไป แต่รอบนี้มีพี่ชายกลับไปด้วย
พอถึงบ้าน เด็กลงรถและก้าวขาไม่ออก กรี๊ดจนสลบ ขับถ่ายเลอะเต็มกางเกงไปหมด สุดท้ายพอฟื้นขึ้นมา ที่บ้านจึงสอบถามและได้ความว่าเด็กถูกข่มขืนระหว่างทางไปหาพ่อแม่ ไม่กล้าบอกใคร เพราะคนขับรถขู่ไว้ว่าถ้าบอกพ่อแม่จะฆ่าให้ตายทั้งครอบครัว ก่อนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผลการตรวจพบว่าถูกกระทำชำเราจริง พี่น้องทั้งคู่ยังอาจจะโดนวางยาด้วยตอนขากลับ ตอนนี้เด็กทั้งคู่ยังหลอนๆ โดยเฉพาะเด็กหญิง ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ มีอาการประสาทหลอน เหมือนมีคนจะทำร้ายตลอดเวลา และเรียกคนขับรถว่า "บักปีศาจมันจะมาเอาชีวิตหนู"
"ความพีกคือ ตำรวจยังไม่ออกหมายจับทั้งที่ผ่านมาหลายวันแล้ว และมีการติดต่อครอบครัวมาขอไกล่เกลี่ย ทางสืบนครบาลเลยรับประสานติดตามคดีให้ ขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวน้องนะคะ ขอบคุณพี่บุ๋ม ปนัดดา (วงศ์ผู้ดี ประธานมูลนิธิองค์กรทำดี) อีกคน ที่ช่วยให้คำแนะนำกับทางครอบครัว ครอบครัวขอให้เราโพสต์ให้ เพราะอยากให้คดีมีความคืบหน้า" เฟซบุ๊ก Pook Sukonta Berthebaud ระบุ
พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดคุยกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล กับตำรวจภูธรภาค 4 แล้ว โดยทาง สภ.แวงน้อยจะต้องเป็นผู้รับแจ้งความ ขณะนี้ทราบว่ารับแจ้งความไว้แล้ว พนักงานสอบสวนและสหวิชาชีพจะร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย ที่ทราบว่ายังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์จะต้องตรวจร่างกาย ย้ำว่าแม้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดเหตุอยู่พื้นที่ใด แต่เบื้องต้นต้องให้ สภ.แวงน้อย ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่หากพบว่ามีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ใด สภ.แวงน้อยต้องประสานไปยังพื้นที่เกิดเหตุนั้นๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ ตนได้กำชับพนักงานสอบสวนทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศว่า หากประชาชนไปแจ้งความไม่ว่าเกิดเหตุพื้นที่ไหน จะต้องรับแจ้งความไว้ก่อน หากไม่ดำเนินการก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เข้าตรวจเยี่ยมเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดย พล.ต.ต.อนุวัตรเปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า ได้ดำเนินการส่งตัวเด็กไปตรวจพิสูจน์ และเข้ารับการรักษาตัว พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ปกครองแล้ว ก่อนส่งตัวเด็กไปพบแพทย์และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เบื้องต้นแพทย์บอกว่าสภาพจิตใจของเด็กยังไม่ดีและยังให้การอะไรไม่ได้ ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นจึงได้ประสานงานไปยัง สน.บางกอกใหญ่ ได้รับทราบและขอให้เชื่อมั่นว่าทางตำรวจจะดำเนินการเต็มที่ตามกระบวนการทางกฎหมาย ขณะนี้คนขับรถตู้พยายามที่จะติดต่อเข้ามาพบกับตำรวจ และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ส่วนในอำนาจการสอบสวนต้องให้ สน.บางกอกใหญ่ เป็นคนดำเนินการ โดยจากการประสานงานเบื้องต้นคนขับรถตู้ได้ให้การปฏิเสธ แต่ยังไม่มีการเข้ามารายงานตัวต่อตำรวจแต่อย่างใด ส่วนรถตู้จะมีการตรวจสอบหลักฐานตามกระบวนการ