นครพนม - น้องสาวจุดธูปขอเจ้าที่พร้อมเคาะโลง 3 ครั้งบอกพี่ชายว่ามาถึงบ้านแล้ว ขณะที่นางโสดา ผู้เป็นแม่นอนร้องไห้ติดเตียง เป็นโรคเกาต์เดินไม่ได้ น้องสาวเผยพี่ชายไปทำงานเกษตรอิสราเอลได้ 2 ปีแล้ว โดยไม่ได้กู้หนี้เพราะก่อนหน้าเคยไปขายแรงที่คูเวต แอฟริกา มาเลเซีย วันเกิดเหตุเป็นวันหยุด ไปรับจ็อบรีดนมวัวในฟาร์มพื้นที่สีแดง ห่างจากจุดสู้รบ 5 กิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วง 6 ทุ่มวันที่ 1 พ.ย. 66 รถตู้สุริยาหีบศพจากสนามบินสุวรรณภูมิ บรรทุกร่างนายปริญญา แต้มกลาง อายุ 37 ปี แรงงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอล เดินทางมาถึงบ้านเลขที่ 189 บ.หนองทุ่ม ม.8 ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ มีนางโสดา แต้มกลาง อายุ 73 ปี และนางอรอุมา แต้มกลาง อายุ 35 ปี แม่และน้องสาว พร้อมญาติและเพื่อนบ้านจำนวนมากมารอรับศพ
ก่อนนำศพเข้าบ้าน นางอรอุมา น้องสาว ได้จุดธูปบอกเจ้าที่เพื่อเชิญดวงวิญญาณน้องชาย พร้อมเคาะโลง 3 ครั้งบอกพี่ชายว่ามาถึงบ้านแล้ว ขณะที่นางโสดา ผู้เป็นแม่นอนร้องไห้ติดเตียง เนื่องจากเป็นโรคเกาต์เดินไม่ได้ ท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติพี่น้อง
นางอรอุมากล่าวทั้งน้ำตาว่า นายปริญญา พี่ชายเดินทางไปทำงานสวนเกษตรที่โมชาฟในอิสราเอลได้ 2 ปี ในสวนมะม่วง ได้เงินเดือน 40,000-50,000 บาท โดยไม่ได้กู้หนี้ยืมสินเพราะก่อนหน้านี้พี่ชายเคยไปขายแรงที่ประเทศคูเวต แอฟริกา มาเลเซีย วันเกิดเหตุ 7 ต.ค. 66 ซึ่งเป็นวันหยุด ไปรับจ็อบทำงานรีดนมวัวในฟาร์มพื้นที่สีแดง ห่างจากจุดสู้รบ 5 กิโลเมตร
วันที่กลุ่มฮามาสบุกอิสราเอล ช่วง 10 โมงเช้า ครอบครัวไม่สามารถติดต่อน้องชายได้ ผ่านมา 15 วันยังไม่รู้ชะตากรรม กระทั่งวันที่ 21 ต.ค. เพื่อนพี่ชายวิดีโอคอลแจ้งข่าวว่าพี่ชายเสียชีวิตหลังถูกกลุ่มฮามาสบุกแคมป์ ตนและแม่ต่างนอนร้องไห้เสียใจ เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว
น้องเป็นคนดีไม่คิดถึงตัวเองเพราะยังโสด ได้เงินเดือนเท่าไหร่ส่งมาให้แม่รวบรวมไว้เพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ ถมที่แล้วอยู่ระหว่างขึ้นโครงหลังคา และเตรียมส่งเสียหลานคือลูกสาวของตนซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.3 ให้เรียนแพทย์ แต่ต้องฝันสลายหลังจบชีวิตลง
โดยช่วงเย็นวันนี้จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ส่วนจะนำไปประกอบฌาปนกิจวันไหนนั้นต้องรอปรึกษาเจ้าคณะอำเภอโพนสวรรค์เสียก่อน เพราะก่อนที่น้องชายจะไปทำงานในอิสราเอล พระอุปัชฌาย์รูปนี้เป็นผู้บวชให้ที่อุโบสถวัดศรีสว่าง แต่มาจำพรรษาที่วัดใกล้บ้าน