xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) สุดเศร้า! ยายบุรีรัมย์วัย 75 เตรียมโสร่งไหมทอเองกับมือรอรับศพลูกชาย เหยื่อสงครามอิสราเอลกลับบ้านเกิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - ยายจันทร์วัย 75 ชาวลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เตรียมผ้าขาวม้าและโสร่งไหมทอเองกับมือไว้รอรับร่างลูกชาย เหยื่อสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่จะนำศพกลับไทยมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิด เป็นรายแรกของ จ.บุรีรัมย์จากแรงงานที่มีรายชื่อเสียชีวิต 3 ราย ญาติ-ชาวบ้านต่างให้กำลังใจ

วันนี้ (1 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจันทร์ วิเศษสัตย์ อายุ 75 ปี ชาวบ้านบ้านยางพัฒนา ม.7 ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้เตรียมเสื้อตัวโปรด พร้อมผ้าขาวม้าไหม และโสร่งไหมที่ทอเองกับมือ ไว้รอรับร่างนายจรูญ ชาติดำดี อายุ 40 ปี ลูกชายอันเป็นที่รัก หนึ่งในแรงงานที่เสียชีวิตจากเหตุสู้รบระหว่างกองกำลังอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่ทางการไทยจะส่งศพกลับมายังประเทศไทยโดยมีกำหนดถึงสนามบินสุวรรณภูมิช่วงบ่ายวันนี้ และคาดว่าเคลื่อนร่างกลับมาส่งที่บ้านเกิดในช่วงเย็นวันเดียวกัน


ขณะที่ชาวบ้านและญาติพี่น้องลูกหลาน ต่างก็เดินทางมาให้กำลังใจคุณยายจันทร์ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังได้ช่วยกันจัดเตรียมโต๊ะ เก้าอี้ และพืชผัก วัตถุดิบในการประกอบอาหารไว้เตรียมจัดงานศพด้วย ซึ่งนายจรูญถือเป็นแรงงานรายแรก 1 ใน 3 รายของแรงงานชาว จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกส่งศพกลับมาไทยเพื่อให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนา



คุณยายจันทร์บอกว่า ลูกชายขาดการติดต่อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 66 ที่เกิดเหตุสู้รบกันวันแรก ถึงแม้ทางพี่สาวจะพยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนมีรายชื่อว่าลูกชายเป็นหนึ่งในแรงงานชาว จ.บุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากที่มีรายชื่อ 3 ราย ก็ตกใจเพราะที่ผ่านมามีความหวังว่าลูกชายจะรอดชีวิตกลับมา แต่วันนี้ทางอำเภอได้มาแจ้งยืนยันว่าทางการจะนำศพนายจรูญ ลูกชายกลับมายังไทยก่อนจะส่งศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ก็รู้สึกเสียใจที่ลูกชายได้กลับมาแบบไม่มีชีวิตแล้ว พยายามจะทำใจแต่เวลาที่อยู่คนเดียวจะนั่งร้องไห้ เพราะนายจรูญเป็นลูกชายคนเล็กและเป็นเสาหลักที่ทำงานส่งเงินมาดูแลแม่ แต่ตอนนี้ไม่มีลูกชายอยู่ดูแลแล้ว อยากให้ทางภาครัฐช่วยเหลือ


นางพิมพา มณีใส อายุ 47 ปี พี่สาวคนที่ 3 บอกว่า หลังทราบข่าวยืนยันชัดเจนว่าน้องชายเสียชีวิตและทางการจะนำศพกลับมาส่งให้ทางครอบครัวประกอบพิธีทางศาสนา สงสารน้องที่ต้องสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ที่เป็นห่วงคือสภาพจิตใจของแม่เพราะอายุมากแล้ว ซึ่งลูกหลานต้องผลัดเปลี่ยนกันมาคอยอยู่เป็นเพื่อนและให้กำลังใจ อยากให้ทางภาครัฐช่วยเหลือทั้งเรื่องงานศพ และอยากให้ดูแลแม่ด้วย เพราะหลังจากน้องชายเสียชีวิตก็เหมือนขาดเสาหลัก






กำลังโหลดความคิดเห็น